ดูบอลสด
รีวิว the unholy เทวาอาถรรพณ์
หากใครยังพอจำหนังเรื่องนี้หรือเคยได้รับชมกันในโรงภาพยนต์ไปเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้กลับมาอีกครั้งสำหรับ “The Unholy เทวาอาถรรพณ์” บนจอสตรีมมิ่งของ Netflix เป็นหนังสยองขวัญผลงานการกำกับและเขียนบทของ Evan Spiliotopoulos ผู้ซึ่งเคยเขียนบทหนังดังอย่าง Hercules , Tinker Bell and the Lost Treasure และ โฉมงามกับอสูร ภายใต้หนังค่ายใหญ่อย่าง Sony Pictures Entertainment
the unholy เทวาอาถรรพณ์ เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากนิยายสยองขวัญของ เจมส์ เฮอร์เบิร์ท เรื่อง ‘Shrine’ เล่าเรื่องของ ‘อลิซ’ เด็กสาวหูหนวกที่จู่ๆ อาการพิการก็หายไปทั้งหมดเมื่อได้พบกับพระแม่มารี หลังจากนั้นคำร่ำลือก็แพร่กระจายออกไปจนทำให้ผู้คนต่างพากันเดินทางมาเพื่อชมปาฏิหาริย์ด้วยตนเอง นักข่าวชายตกอับคนหนึ่งได้บังเอิญอยู่ในเหตุการณ์ปาฏิหาริย์ครั้งนี้ด้วย เขาจึงตัดสินใจทำข่าวเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่จนเมื่อมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นมากมาย เขาก็เริ่มสงสัยว่านี่เป็นพระแม่มารีจริงๆ หรือสิ่งอื่นกันแน่?
รีวิว the unholy เทวาอาถรรพณ์ เนื้อเรื่อง
รีวิว the unholy เทวาอาถรรพณ์ ว่าด้วยเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีชื่อว่า “อลิซ” ผู้มีความบกพร่องทางการได้ยิน เธอเป็นผู้เชื่อและเลื่อมใสศรัทธาในทางศาสนา จนวันหนึ่งเธอสามารถพูดและกลับมาได้ยินเป็นปกติเนื่องจากความศรัทธาในตัวพระแม่มารีย์ ทำให้ทุกคนตกตะลึง อลิซจึงได้พิสูจน์ตัวเอง เพื่อทำให้ทุกคนเชื่อและศรัทธาในตัวพระแม่มารีย์เช่นเดียวกันกับเธอ ด้วยการรักษาผู้คนจากอาการที่ไม่มีวันรักษาได้หายขาดได้ จนเกิดเรื่องราวสุดสะพรึงและหายนะตามมามากมาย ด้วยความเคลือบแคลงใจที่ว่านี่คือพลังที่เกิดจากพระแม่มารีย์จริงหรือไม่
การดำเนินเรื่อง
ในระยะความยาวกว่า 1 ชั่วโมง 39 นาทีนี้ ในช่วงเริ่มมีการเปิดที่น่าสนใจเกี่ยวกับตำนานเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงยุค 1845 ความน่าตื่นเต้นของหนังในช่วงแรกและกลางทำมาได้ค่อนข้างดี ดึงความสนใจได้พอสมควร ตัวหนังเองจะค่อยๆเล่าและปูรายละเอียดต่างๆลงไป มีการหลอกแบบ Jump Scares ค่อนข้างเยอะ ไม่ได้มีเทคนิคการหลอกหรือลูกเล่นอะไรใหม่เท่าไหร่
การเล่าเรื่องสำหรับเรื่องนี้อยู่ในโซนแย่เลยครับ น่าผิดหวัง เนื้อเรื่องนั้นค่อนข้างเชยและจืดชืด เพราะมีภาพยนตร์เกี่ยวกับการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์แบบผิดฝาผิดตัวมานานแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นความเชยก็ยังไม่แย่เท่ากับเนื้อเรื่องที่แสนทื่อ โปรโมทไว้อย่างไรก็เล่าตรงตามนั้นเป๊ะ ไม่มีหักมุมพลิกล็อค ชั้นเชิงการเล่าเรื่องก็ต่ำมาก ซึ่งไม่น่าแปลกใจนัก เพราะนี่เป็นผลงานกำกับครั้งแรกของผู้กำกับเรื่องนี้ แม้จะเขียนบทให้หนังใหญ่มาเป็นสิบปีก็เหมือนจะไม่ได้ช่วยในเรื่องการคุมทิศทางหนังด้วยตัวเองนัก
เพราะไม่ว่าจะเป็นลูกเล่นของการเล่าเรื่อง การตัดต่อ การนำเสนอด้านภาพและเสียง รวมไปถึงบรรดาฉากปีศาจหลอกหลอนนั้น ล้วนแล้วแต่นำเสนอออกมาได้น่าผิดหวังหมด อาการหนักสุดคงเป็นฉากผีหลอกที่แทบทั้งเรื่องจะใช้มุขให้ปีศาจกระโดดเข้าหน้ากล้องเพื่อทำให้ผู้ชมตกใจตลอด ช่วงแรกก็พอได้ ตื่นตาตื่นใจอยู่ แต่พอใช้มุขนี้ไปเรื่อยทั้งเรื่องก็เริ่มน่ารำคาญ ขณะเดียวกันการเคลื่อนไหวของผีก็หนีไม่พ้นเป็นปีศาจตัวแห้งกระดูกอ่อน เดินและคลานกรอบแกรบไปมา ตัวอ่อนเป็นนักยิมนาสติก เรียกว่าภาพรวมนั้นทั้งไม่มีชั้นเชิงการเล่าเรื่องและลูกเล่นของฉากสยองนั้นก็ไม่สร้างสรรค์ด้วย
อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นส่วนแย่ของการเล่าเรื่องคือมันมีช่องโหว่ใหญ่มากอยู่ประมาณสองจุดหลักครับ จุดนึงอยู่ตอนท้ายเรื่อง ซึ่งผมคงสปอยล์รายละเอียดทั้งหมดไม่ได้ บอกได้แค่ว่าวิธีที่กลุ่มตัวเอกใช้ต่อสู้กับปีศาจในตอนท้ายนั้นดูไม่ฉลาดนัก จบเรื่องง่ายไปหน่อย อีกจุดนึงจะอยู่ช่วงกลางเรื่อง เป็นช่วงที่หลวงพ่อได้รับการรักษาจากโรคที่เป็นอยู่ด้วยพลังของปีศาจ (แต่เขาคิดว่าเป็นพลังของพระแม่มารี)The Unholy rotten tomatoes
หลังจากนั้นหลวงพ่อก็นั่งสูบบุหรี่ในโบสถ์ แต่จู่ๆ ควันที่พัดอยู่ทางนึงก็ลอยพัดกลับไปอีกด้าน ลอยเข้าไปในร่องของอิฐ ทำให้หลวงพ่อพบกับสมุดบันทึกเกี่ยวกับลัทธิซาตานและพลังของมัน ปีศาจรู้ว่าหลวงพ่อพบมันจึงอาฆาตและเข้าทำร้ายหลวงพ่อ ซึ่งพอได้ชมหนังจนจบก็ทำให้ผมเกิดความสงสัยกับฉากนี้อย่างหนัก…ทำไมควันบุหรี่ถึงลอยเข้าร่องนั้นพอดีเป๊ะ?
หนังไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ชัดเจนเลย และมันแย่ตรงที่สมุดที่หลวงพ่อเจอในร่องนั้นช่วยไขปริศนาทุกอย่างให้กระจ่าง และทำให้ตัวเอกเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับตัวปีศาจได้ไวขึ้น นี่เป็นสิ่งที่ยืนยันชัดเจนว่าเนื้อเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้แย่มาก เพราะคนเขียนบทที่ดีไม่ควรเอาความบังเอิญมาแก้ไขปัญหาเรื่อง มันดูถูกคนดูเกินไป แบบนี้จะพาเรื่องไปทางไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ตรรกะในการแต่งเรื่องกันแล้ว
งานโปรดัคชั่น
โปรดัคชั่นโดยภาพรวมสำหรับเรื่องนี้ก็ได้ตามมาตรฐานหนังสยองขวัญฮอลลีวูดทั่วไปครับ ด้วยงบประมาณราว 10 ล้านเหรียญสหรัฐ ไม่เล็กไม่ใหญ่ งานศิลป์โดยภาพรวม ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ การออกแบบเสื้อผ้าหน้าผม หรือการสร้างฉากนั้นก็ไม่ได้ดูหวือหวา ไม่ได้มีความคิดสร้างสรรค์ที่โดดเด่นหรือน่าจับตามอง เพียงแต่เน้นให้สมจริงตามสถานการณ์และช่วงยุคสมัย แต่เรื่องนี้ก็ยังมีดีตรงที่งานวิชวลเอฟเฟ็คนั้นทำออกมาได้ใส่ใจคุณภาพดี ความสมจริงมาเต็ม ทำให้ฉากผีหลอกฉากสยองขวัญต่างๆ ดูไม่ปลอม เสียก็แค่บรรดาฉากหลอกผีมันคุณภาพต่ำไปหน่อย อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ ดูหนังฟรี
รีวิว the unholy เทวาอาถรรพณ์ ความรู้สึกหลังดู
รีวิว the unholy เทวาอาถรรพณ์ สำหรับในตัวเนื้อเรื่อง ยังคงดำเนินตามคอนเซปหนังสยองขวัญแบบดั้งเดิม ส่วนตัวชอบในเรื่องการนำเรื่องความอ่อนไหวทางจิตใจ ศรัทธาทางศาสนามาเล่น และด้วยในประเด็นของพระแม่มารีย์อันนี้ก็รู้สึกว่าเป็นอะไรใหม่ๆ ที่ทำให้หนังเรื่องนี้น่าสนใจ และเชื่อว่าหลายๆคนอยากดูเพราะประเด็นนี้ด้วยเช่นกัน แต่ตัวละครในเรื่องรู้สึกว่ายังขาดมิติไปพอสมควร เหมือน Background ที่ปูมาไม่มากพอ มันเลยทำให้ตัวละครในเรื่องนี้ดูธรรมดา เป็นตัวละครพื้นๆ ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกอินหรือมีส่วนร่วมตามไปด้วยขนาดนั้น ทั้งที่ “เจอร์รี่” (Jeffrey Dean Morgan) มีความเจ็บช้ำจากเรื่องราวในอดีต มีปมที่สร้างความขาดวิ่นในจิตใจ อีกทั้งตัวคาแรคเตอร์เองก็ให้พลังของการเป็นตัวแทนที่ไม่ศรัทธาในศานาหรือความเชื่อใดๆเลย แต่ก็ยังไม่สามารถปลดล็อคอะไรบางอย่างของหนังเรื่องนี้ได้
ตัวหนังเองก็พยายามที่จะสื่อสารถึงความดีความชั่วที่มีอยู่ในศาสนา สงครามที่ไม่มีวันจบระหว่างความดีกับความชั่ว สิ่งที่เกิดขึ้นมันจริงหรือไม่จริง เหมือนเปิดพื้นที่ให้กับความศรัทธาของแต่ละคนได้ทำงาน แต่ส่วนตัวคิดว่าพลังของหนังเรื่องนี้มันยังไม่พอที่จะส่งให้เรารู้สึกคิดหรือมีส่วนร่วมตามไปด้วยได้ขนาดนั้น และที่รู้สึกผิดหวังอีกอย่างหนึ่งของหนังเรื่องนี้คือ การแสดงออกของผีพระแม่มารีย์ มันดูเป็นผียุคเก่ามาก หมายถึง ดูเป็นการหลอกแบบเก่าๆ เชย ไปแล้วสำหรับหนังผี ปี 2021 ตัวผีเองก็ออกมาในทางเอเลี่ยนเสียมากกว่าด้วย เสียดายความเป็นผีพระแม่มารีย์ และหากเทียบกับอีกหนึ่งเรื่องที่ความคล้ายคลึงกันในด้านเนื้อหา กับ Midnight Mass ในประเด็นของความศรัทธา ความมืดดำของจิตใจ ความวิปริตของความศรัทธา เพื่อที่จะผู้ชมไปถึงก้นบึ้งของความศรัทธา เรามองว่าตัว The Unholy ยังขาดตรงนี้อยู่อีกมาก the unholy 2021 เทวาอาถรรพ์ เรื่องย่อ
ถามว่าชอบไหม สำหรับเราคงบอกว่ากลางๆอ้ะ มันมีทั้งจุดดีและแย่อยู่ คาดหวังสูงด้วยแหล่ะ
มาเริ่มข้อดีก่อน เรื่องนี้เราว่านำเสนอได้ดี ตั้งแต่เปิดเรื่องเลยมีการเล่าที่มาของตัวละครให้เห็น ได้เห็นผีในแบบใหม่ๆแบบผีพระแม่ซึ่งเออเราไม่เคยเจอ555 มีการนำเสนอความศรัทธาของคน ซึ่งพอมีเรื่องปาฏิหารย์เกิดก็มีทั้งคนที่โหวแบบศรัทธาอย่างมากก กับ ไม่เชื่อถึงขนาดที่ต้องย้ายบ้านเลยอ่ะ เพราะคิดว่าพระเจ้าก็ควรจะอยู่ในที่ของเขา(สวรรค) ไม่ใช่ลงมาอยู่ร่วมกะคน อย่างที่ ตัวอย่าง บอกมีพระเจ้าก็ต้องมีปีศาจไรงี้ เเออเราชอบมุมมองนี้นะ แล้วหนังก้สั้นด้วย ชม ครึ่ง ทำให้ดูไปไม่หลับแน่นอน แต่ตรงกลางจะแอบเอื่อยนิดนึง เพราะอยู่ในช่วงสืบสวน แต่ก็น่าติดตามอยู่จนจบ
มาถึงส่วนที่เราไม่ชอบ เรื่องนี้ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเอกเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดมากกว่าอีก 70%ของฉากสยองขวัญจะเป็นการ jump scare ซึ่งเราไม่ชอบเลย ลองคิดดู เอะอะอะไรก็ใส่หน้ากล้อง ปั้ง ปั้ง !! เงี้ยมันเหมือนผีไปเล่นกกะกล้องมากกว่าอ้ะ ไม่ได้ไปหลอกตัวละคร แล้วพอฉากต่อไปที่เจอก็มา jump scareอีกยังเงี้ยยอะมาก แต่ตกใจอยู่นะ ซีจีก้แอบแปลกๆ เหมือนผีค้าง 5555 และอีกอย่างคือเราขัดใจมากอ้ะในเรื่องจะมีการพูดถึงพระแม่มารีใช่มะ ละทีนี้หนังก็ให้เราเห็นพระแม่มารีชัดๆเลยจ้า แบบนึกภาพตามนะ เป็นหน้าใสๆมีแสงรอบตัวสว่างๆ เหมือนเด็กที่อยู่บนฟ้าใน รายการ เทเลทับบี้อ้ะ เราว่ามันตลกมาก คือน่าจะเล่าให้เห็นว่าตัวอลิซเออ เยียวยาคนได้ เราก้รู้ละว่าศักดิ์สิทธิจิง ไม่ต้องขนาดเอาพระแม่มาโชว์ก้ด้ายย มันแปลกๆ ส่วนช่วงท้ายก็ดูน่ากลัวดี ลุ้นว่าบทสรุปจะเปนไง แต่ก้ง่ายไปหน่อย555
แม้ว่า The Unholy จะเป็นหนังแนววิญญาณร้ายเข้าสิง ก่อนจะเริ่มแผลงฤทธิ์ออกอาละวาดจนคนที่เกี่ยวข้องกับอลิซจะเริ่มมีอันเป็นไปทีละคนสองคน แต่ด้วยเรท PG-13 ของเรื่องทำให้ฉากการตายของตัวละครอาจจะไม่ได้ดูน่าขนลุกเกรียวหรือชวนแหวะ แต่หนังยังสามารถใช้ประโยชน์จากมุมกล้อง การเร้าอารมณ์ผู้ชมด้วยดนตรีประกอบโครมคราม ตามสูตรสำเร็จ The Unholy
อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือเรื่องความเชื่อและความศรัทธาของมนุษย์ในการเคารพบูชาอำนาจลึกลับที่เรามองไม่เห็น พิสูจน์ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ ยังคงเป็นสิ่งที่แทรกซึมอยู่ในทุกวัฒนธรรมของประชาคมโลก ไม่ว่ากี่ยุคสมัยก็ตาม เพราะบางครั้งท่ามกลางความเลวร้าย ป่วยไข้ของโลกมนุษย์ทุกวันนี้ ทำให้คนมองหาปาฏิหาริย์บางอย่างเพียงเพื่อจะนำพาชีวิตของพวกเราให้ผ่านพ้นจากความทุกข์ยาก ไม่ว่าทางกายหรือทางใจ
คงไม่ใช่เรื่องแปลกใจอย่างใดที่ตัวอลิซเองเธออาจจะรู้สึกแค่ว่า เธอเป็นแค่เด็กสาวโชคดีที่ “พูดได้” เป็นครั้งแรกในชีวิต แต่ เรื่องราวของอลิซกลับกลายเป็น “ความหวัง” สำหรับคนอีกหลายร้อยคนบนโลกที่มองหาเรื่องราวดีๆที่จะมาเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาบ้าง โดยที่พวกเขาไม่เคยรู้เลยว่าทุกอย่างนั้น “มีราคาที่ต้องจ่าย” และแลกเปลี่ยนกับปาฏิหาริย์ในจินตนาการของพวกเขาเสมอ
สรุปโดยรวม
สรุปโดยภาพรวมแล้ว the unholy เทวาอาถรรพณ์ จึงเป็นภาพยนตร์สยองขวัญจากฝั่งฮอลลีวูดที่ทำออกมาได้แย่ เนื้อเรื่องเชย ตรงๆ ทื่อๆ ไม่มีอะไรซับซ้อนมากกว่าที่โปรโมทไว้เลย ชั้นเชิงการเล่าเรื่องก็แย่ เนื้อหาเรื่องขาดๆ เกินๆ และมีช่องโหว่หนักหลายจุด จังหวะหลอกผีก็ขาดความสร้างสรรค์ เอะอะก็จะให้ปีศาจกระโดดเข้าหน้ากล้องอย่างเดียว การขยับของปีศาจก็กรอบแกรบตามนิยม คุณภาพของการเล่าเรื่องสมกับเป็นการกำกับหนังเรื่องแรกของผู้กำกับ ส่วนด้านโปรดัคชั่นภาพรวมนั้นคุณภาพดูกลางๆ งานถ่ายภาพ ออกแบบฉาก หรือเสื้อผ้าหน้าผมก็ล้วนแล้วแต่เป็นไปตามธรรมชาติของเรื่องเล่า เน้นสมจริงไม่เน้นโดดเด่น แต่มีสิ่งที่ดีคืองานสเปเชียลเอฟเฟ็คและวิชวลเอฟเฟ็คที่มีคุณภาพ ดูใส่ใจกับความสมจริงในระดับเยี่ยม…ใครเป็นคอหนังสยองขวัญฝั่งตะวันตก หาหนังดูฆ่าเวลาแบบไม่คิดมาก ไม่คาดหวังให้เนื้อเรื่องซับซ้อนมากมาย
the unholy ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับหนังสยองขวัญที่ไม่ได้เลวร้ายนัก แต่ถ้าใครเป็นคอหนังสายสยองขวัญหนังเรื่องนี้อาจจะไม่ตอบโจทย์ ถือว่ามาเปิดใจลองรับชมผลงานการกับกำหนังสยองขวัญเรื่องแรกของ Evan Spiliotopoulos กันดู โดยรวมก็ถือว่าเป็นหนังสยองขวัญที่ดี มีองค์ประกอบครบถ้วน ไปดูงานภาพ งานเสียง ก็ถือว่าโอเคแล้ว ไปลองทดสอบจิตใจของคุณดูที่ The Unholy เทวาอาถรรพณ์
