รีวิว   โมซูล  ( mosul )

รีวิว   โมซูล  ( mosul )

รีวิว   โมซูล  ( mosul )

 

 

โมซูล ( mosul ) เรื่องนี้นั้น แม้จะเป็นอีกหนึ่งผลงานที่คล้ายหนังแอ็กชันเอามันอย่าง Extractionหนังฝรั่ง netflix รัก      แต่ก็มีกลิ่นอายหนังสงครามในอิรักที่ดูสมจริงอยู่มากกว่าด้วย อาจเพราะ    ดูหนังออนไลน์      เป็นการดัดแปลงหนังจากบทความชื่อ The Desperate Battle to Destroy ISIS ในนิตยสารรายสัปดาห์อย่าง The New Yorker ที่ว่าด้วยเลือดเนื้อชีวิตจริงของหน่วยสวาทนิเนเวห์ ที่ปฏิบัติการแลกชีวิตเพื่อทวงบ้านเกิดเมืองนอนอยู่ในเมืองโมซุลที่ถูกปกครองโดยกลุ่มก่อการร้ายไอซิสก็เป็นได้   ดูหนังฟรี

 

โมซูล ( mosul ) หนังสงครามกลางเมืองของอิรักกับไอซิส ในเหตุการณ์การสู้รบช่วงสุดท้ายที่ไอซิสกำลังพ่ายแพ้ โดยมีหน่วยรบลึกลับกำลังปฏิบัติภารกิจตามล่าไอซิสกลุ่มสุดท้าย ด้วยจุดประสงค์ที่ไม่ชัดเจนว่าคืออะไรกันแน่  รีวิว หนังบู๊

 

 

 

รีวิว   โมซูล  ( mosul )

รีวิว   โมซูล  ( mosul ) ข้อมูลทั่วไป

รีวิว   โมซูล  ( mosul ) ชื่อเรื่อง โมซูล เป็นนครในภาคเหนือของประเทศอิรัก (หรืออีกชื่อคือ อัลเมาศิล) เป็นฉากหลังของเรื่องนี้ที่ถูกกลุ่มไอซิสยึดครองมาก่อน (ชื่อเรียกไอซิสในเรื่องจะเป็นดาอิช) และถูกนำมาสร้างเป็นหนังที่สร้างโดยอิงจากเรื่องจริงของเหตุการณ์ช่วงสุดท้ายของสงครามกวาดล้างไอซิสที่มีหลายประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง จนทำให้ไอซิสต้องถอยร่นออกไป แต่ก็ยังไม่จบสิ้นซะทีเดียวนัก โดยมีกลุ่มกองกำลังเล็กๆ ที่ใส่ชุดหน่วยสวาทของอิรักกำลังตามไล่ล่าไอซิสพวกนี้ เป็นภารกิจที่ไม่เปิดเผยว่าจุดประสงค์คืออะไร และเป้าหมายที่แท้จริงคืออะไรกันแน่ ตัวเรื่องจะเล่าผ่านมุมมองของ “คาวา” ตำรวจหนุ่มอายุ 21 ปีที่พึ่งเข้ามาทำงาน แต่กลับถูกปิดล้อมโดยไอซิสจนเกือบสิ้นชีพ แต่เขาได้รับการช่วยเหลือจากกองกำลังเล็กๆ หน่วยนี้ และเอาเขาเข้ามาเป็นหนึ่งในทีมปฏิบัติภารกิจนี้ด้วย โดยที่คาวาเองก็สงสัยในจุดประสงค์ที่ซ่อนเร้นไว้ของกลุ่มนี้เช่นกัน

รีวิว หนังบู๊

เป็นหนังสงครามกลางเมืองที่เก็บรายละเอียดการสู้รบกับไอซิสได้สมจริงมาก ซึ่งเป็นสงครามยุคใหม่ที่มีหลายสิ่งหลายอย่างแตกต่างออกไปจากที่เคยเห็นกันมาก่อน อย่างการออกอากาศวิทยุชวนเชื่อถึงรัฐอิสลามที่ได้ยินแทรกมาหลายครั้ง กับดักของไอซิสที่มีกลลวงพรางให้อีกฝ่ายติดกับได้อย่างไม่คาดคิด หรือโดรนติดระเบิดที่บินมาถล่มแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง พร้อมฝ่ายตัวเอกที่งัดกลยุทธวิธีการสู้รบกับไอซิสในแบบของตำรวจมาใช้ในสงครามกลางเมืองแห่งนี้ที่มีชาวบ้านตกเป็นเหยื่อตัวประกันอยู่เรื่อยๆ ตลอดทาง หลายอย่างในเรื่องนี้ถือว่าเป็นการสู้รบแบบใหม่ที่ตัวเรื่องทำออกมาได้ดีมาก เรียกว่าสมจริงกว่าหนังสงครามใหญ่ๆ ที่เห็นโดยทั่วไปด้วยซ้ำ แต่สเกลของฉากสู้รบจะแค่วงเล็กๆ มีเป็นระยะๆ กับการตามกำจัดไอซิสไปเรื่อยๆ ในเมืองจนถึงจุดหมายปลายทาง ซึ่งถือว่าเป็นความลับสำคัญของเรื่องที่ตัวเอกคาวาในเรื่องกังขาอยู่ตลอดเวลาว่า หน่วยสวาทนี้เป็นหน่วยตำรวจจริงหรือไม่? ซึ่งตัวเรื่องก็ทำให้คนดูสงสัยเช่นกันว่าจริงหรือเท็จ จากความคลุมเครือที่ดูแล้วน่าสงสัยอยู่ตลอดเวลา การทำงานหลายอย่างที่ผิดแปลกออกไปจากการเป็นหน่วยสวาท  แถมยังพยายามปิดบังตัวตนไม่ให้ใครรู้ว่า ซึ่งในเรื่องช่วงเวลานั้นทุกคนเข้าใจว่าหน่วยสวาทตายหมดแล้ว แต่ทำไมหน่วยนี้กลับยังอยู่ และยังพยายามทำภารกิจลึกลับที่เสี่ยงตายบุกเข้าหาใจกลางกลุ่มไอซิสที่กำลังยึดเมืองส่วนสุดท้ายอยู่ในตอนนี้

 

รีวิว   โมซูล  ( mosul )

 

เนื้อเรื่อง

หนังเปิดเรื่องมาท่ามกลางดงกระสุนที่กลุ่มไอซิสผลาญดินปืนใส่กลุ่มตำรวจของเมืองเล่นจนหูดับตับไหม้ แค่ฉากนี้ก็เปิดโสตประสาทผู้ชมให้ตื่นได้อย่างดี ว่างานนี้อาจได้ตามแอ็กชันกันรัว ๆ แบบไม่ต้องเกริ่นความเข้าใจอะไรมากมาย และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพราะผู้ชมแทบจะเข้าใจหัวอกตัวละครนำอย่าง คาวา ได้อย่างกับอยู่ร่วมสถานการณ์เดียวกัน เนื่องจากหลังควันกระสุนเริ่มจาง พระเอกของเราก็ถูกชักชวนร่วมกลุ่มสวาทที่มาช่วยเหลืออย่างงุนงง แม้ทุกอย่างจะเกิดขึ้นไวมากจนดูประหลาด แต่ผู้กำกับก็ฉลาดในการหย่อนรายละเอียดบทสนทนาให้ดูน่าเชื่อได้ว่านี่คือการคัดคนเข้าหน่วยจริง ๆ อันนี้โชว์สกิลการเขียนบทที่ช่ำชองของคาร์นาฮานได้อย่างดี

 

หลังจากนั้นเราก็แทบจะถูกจับโยนถูลู่ถูกังไปกับรถฮัมวี่และการเดินแถวยุทธวิธีโดยไร้คำอธิบายใด ๆ ตลอดร่วม 1 วันเต็ม ๆ ทั้งนี้เป็นความตั้งใจของผู้กำกับอีกนั่นล่ะที่จะให้เราสงสัยติดตามรอคอยว่าภารกิจของกลุ่มสวาทนี้คืออะไรกันแน่ เพราะแม้คาวาจะถามครอบครัวใหม่ของเขาสักกี่ครั้ง (เกือบค่อนเรื่อง) สิ่งที่ได้มาก็คือความเงียบ โดยหนังใช้คำอธิบายที่น่าเชื่อถือว่าพระเอกยังไม่ได้รับการยอมรับว่าไม่ใช่สายของไอซิสจริง ๆ

 

แต่ก็นั่นล่ะ ท่ามกลางความอยากรู้ของเรา เมื่อนานเข้าก็เริ่มเป็นความอิหยังวะขึ้นทุกที เพราะการกระทำของกลุ่มสวาทนั้นชวนงงไม่ใช่น้อย เช่นสำรวจหาห้องที่มีทีวีเพื่อนั่งดูละครน้ำเน่าแย่งสามีกัน? หรือจะความไม่เป็นมิตรแบบแปลก ๆ ที่มอบให้กับสหายรบฝั่งเดียวกันอื่น ๆ เช่นกองกำลังทหารอิหร่าน หรือตำรวจประจำเมือง เป็นต้น แน่นอนทุกอย่างมีคำอธิบายของมัน แต่น่าเสียดายว่ากว่าหนังจะประกอบร่างให้เรายอมรับได้ เราก็เอียงไปทางไม่เชื่อหนังไปเสียส่วนหนึ่งแล้ว ซึ่งน่าจะเป็นดาบสองคมในการเลือกวิธีเล่าเช่นนี้

 

 

รีวิว   โมซูล  ( mosul )

ความรู้สึกหลังดู

 

เน้นความสมจริงขนาดว่า หนังเลือกที่จะให้ตัวละครพูดภาษาอิรักตลอดเรื่องจริง ๆ แบบไม่สน ไม่เสียดายเลยว่าหนังอาจขายยากขึ้นในอเมริกาที่ผู้ชมไม่ชอบอ่านซับ ซึ่งเป็นมูลค่าที่ต้องยอมแลกมาเพื่อความเชื่อแบบฝังเนื้อของผู้ชมว่ากำลังดูเรื่องจริง และนั่นก็ยังพ่วงมาด้วยวิธีการถ่ายทำแบบแฮนด์เฮลด์เกือบทั้งเรื่อง ผสมกับการกระชากซูมแบบหนังสารคดีที่ถึงลูกถึงคนเหมือนผู้ชมไปวิ่งถือปืนข้างกล้องนักข่าวสงครามอย่างไรอย่างนั้น

 

สำหรับการเล่าเรื่อง ก็ต้องบอกว่า ผลงานการกำกับครั้งแรกของมือเขียนบทอย่าง แมตธิว ไมเคิล คาร์นาฮาน ที่เคยฝากฝีไม้ลายมือในหนังสงครามตะวันออกกลางอย่าง The Kingdom (2007) ของผู้กำกับ ปีเตอร์ เบิร์ก หรือหนังสงครามมวลมหาประชาซอมบี้อย่าง World War Z  ที่มี แบรด พิตต์ แสดงนำ ก็สามารถผสมผสานเรื่องจริงที่มีดรามาติกมากเหลือล้นผสมเรื่องแต่งที่เข้มข้นและชวนตีความได้อย่างน่าสนใจmosul 2020 โมซูล พากย์ไทย

 

ตัวหนังเดินเรื่องสั้นๆ แค่วันเดียวจบ และตลอดทางก็ใส่ฉากสู้รบมาเรื่อยๆ พร้อมกับตัวละครในหน่วยที่ค่อยๆ ตายลงทีละคน แต่ก่อนหน้านั้นก็จะแทรกเรื่องราวในทีมของแต่ละคนมาทีละนิดให้ตัวเอกคาวาค่อยๆ ได้รู้จักว่าแต่ละคนเป็นใคร และตัวคาวาเองก็ค่อยๆ เปลี่ยนจากตำรวจหนุ่มผู้กังขากับภารกิจนี้ กลายมาเป็นคนที่ไม่สนใจอะไรอีกแล้วกับเรื่องต่างๆ เมื่อเขาต้องผ่านความโหดร้ายของสงครามที่ค่อยๆ กดดันให้เขาต้องระเบิดอารมณ์ดิบออกมา และกลายเป็นคนละคนกับตอนต้นเรื่องไปเลย ในอีกมุมหนึ่งตัวคาวาเองก็ค่อยๆ กลายเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ตัวเองก็กังขานี้ไปด้วยเช่นกัน

 

 

นอกจากตัวเอกคาวาแล้ว อีกตัวละครที่สำคัญควบคู่กันไปคือ “จาเซม” ที่เป็นหัวหน้าหน่วยนี้ และเป็นเหมือนพ่อของทุกคน ซึ่งตัวละครนี้ดูเป็นคนดีในหลายๆ ครั้ง อย่างการช่วยเด็กกำพร้าที่พบเจอระหว่างทาง และหาครอบครัวใหม่ให้เด็ก แต่ในบางครั้งก็มีความคลุมเครือที่ปกปิดภารกิจซ่อนไว้ตลอดเวลา จนทำให้คนดูไม่ไว้ใจว่าตกลงเขาดีหรือร้ายกันแน่ Mosul pantip

 

 

 

ถือเป็นหนังสงครามสเกลเล็กที่แปลกตา มีฉากสู้รบกับไอซิสที่เก็บรายละเอียดมาได้สมจริง ตัวเรื่องมีฉากสู้รบเป็นระยะๆ ที่ให้อารมณ์ระทึกเหมือนอยู่ในดงสงครามที่อันตรายตลอดทาง พร้อมกับมีดราม่าเล็กๆ แทรกคั่นมาพร้อมกับปกปิดจุดสำคัญของภารกิจลับในเรื่อง ที่ช่วยให้คนดูสงสัยติดตามไปได้จนจบ เพียงแต่พอเฉลยแล้วไม่ได้สร้างอารมณ์ร่วมให้ได้มากสักเท่าไหร่นัก

 

นอกจากเหตุผลลึกลับของกลุ่มแล้ว หนังยังมอบฉากสถานการณ์ที่ชวนถกเถียงตั้งคำถามในหลาย ๆ ครั้ง ถึงความว่างเปล่าและมูลค่าที่ต้องแลกไปเพื่อเป้าหมายที่เราก็ไม่รู้ ทั้งฉากหยุดช่วยเหลือเด็กชาย 2 คนที่เพิ่งสูญเสียแม่ไป โดยให้เลือกทิ้งศพแม่ไว้แล้วรอดตายหรือจะอยู่แบบความหวังริบหรี่ หรือจะฉากที่ยิงตอบโต้กับไอซิสจนเพื่อนฝั่งตัวเองถูกลูกหลง และอีกหลายฉาก ซึ่งสิ่งที่ต้องแลกไปก็ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนเราก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ไอ้เป้าหมายภารกิจนี้มันยิ่งใหญ่ขนาดไหนกันเชียว  โม ซู ล รีวิว

 

ซึ่งตรงนี้ขอบอกไว้ว่าเมื่อมันเฉลยมีโอกาสทั้ง 2 แบบที่เราจะรู้สึก คือ แค่นี้เลยเหรอ? มันยิ่งใหญ่ล่ะ แต่ดูเล่นใหญ่มาทั้งเรื่องเพื่อแบบนี้อ่ะเหรอ หรืออีกแบบคือคุณอาจยอมรับว่ามันเป็นเพียงภาพสะท้อนนามธรรมและคอนเซ็ปต์ของหนังที่มันใหญ่เกินตัวมนุษย์ หรือตัวละครไปแล้วจริง ๆ และบทหนังก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม

 

ส่วนตัวของผู้รีวิวแล้ว เข้าใจคอนเซ็ปต์ดีเลย คิดว่ามันเจ๋งมาก ๆ ด้วยล่ะ แต่ในห้วงเดียวกันก็รู้สึกไม่ค่อยอินกับคำตอบนัก และเมื่อนึกหาสาเหตุ ก็เพราะลีลาท่าทีปกปิดความลับยิ่งใหญ่ที่ผ่านมาทั้งเรื่องนั่นล่ะ ว่ามันบอกไม่ได้เลยจริงดิ? หรือแบบฉากสุดท้ายที่เล่นใหญ่เวอร์มาก ๆ มันต้องทำขนาดนั้นเลยจริงดิ? แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ชื่นชมว่าหนังขยายคติที่อยากสื่อออกมาได้น่าติดตาม และน่าสนใจทีเดียว

 

ข้อติงอีกอย่างที่ไม่รู้จะสปอยล์หรือเปล่า คือหนังใช้วิธีการให้ผู้ชมจดจำตัวละครจำนวนมากด้วยการให้ฉากไหนที่ตัวละครนั้นจะสำคัญ เราจะได้ยินชื่อคนนั้น ๆ ถี่หลาย ๆ ครั้ง และเชื่อได้เลยว่าอีกไม่นานจะเกิดเรื่องบางอย่างกับตัวละครนั้นแน่ ๆ ซึ่งว่าไปมันก็ฉลาดในการเล่าด้วยเวลาจำกัด แต่พอใช้หลายครั้งเข้ามันก็เริ่มเกร่อเกินไปนั่นเอง

 

การแสดงที่ควรค่าแก่การชม: นักแสดงทั้งหมดนั้นยอดเยี่ยมมาก – และ Adam Bessa ก็เป็นผู้มาใหม่ที่ควรค่าแก่การจับตามองอย่างแน่นอน แต่ Suhail Dabbach นักแสดงนำคือหัวใจที่เต้นแรงของ โมซูล . เขาเป็นคนที่มีดวงตาที่มั่นคงและใจกว้างเป็นผู้นำที่สร้างแรงบันดาลใจที่กำจัดศัตรูอย่างไร้ความปรานีในฉากเดียวและทำให้แน่ใจว่าทหารของเขาจะได้รับความชุ่มชื้นในครั้งต่อไป ไม่บ่อยนักที่เราจะได้พบกับนายใหญ่ที่มีหัวใจเป็นทองคำในภาพยนตร์เช่นนี้ แต่ที่นี่ได้ผล การแสดงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของ Dabbach คือสิ่งที่ช่วยทำให้เกิด โมซูล น่าจดจำอย่างแท้จริง อิสซูล the last kingdom

 

บทสนทนาที่น่าจดจำ: เราสามารถสร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่ได้ Major Jasem กล่าว เราต้องฆ่าพวกมันให้หมดก่อน เส้นเรียบง่ายจากผู้นำของ Nineveh นี้ดูมืดมน แต่สรุปได้ค่อนข้างดี โมซูล และการกระทำความรุนแรงที่ยากต่อการท้องบางอย่างที่เราเห็นตัวละครเอกของเรามีส่วนร่วม

 

 

 

รีวิว   โมซูล  ( mosul ) ความน่าสนใจและความสมจริง

 

รีวิว   โมซูล  ( mosul ) โมซูล ( mosul ) เป็นภาพยนตร์จากผู้กำกับและผู้สร้างชาวอเมริกา โดยโปรดิวเซอร์นั้นเคยมีผลงานยักษ์ใหญ่อย่างอเวนเจอร์เอนเกมมาก่อนนั่นก็คือผู้กำกับสองพี่น้องจากตระกูลรุสโซ่นั่นเอง การกลับมาจากภาพยนตร์แนวสงครามหลังจากที่ไปทำภาพยนตร์แนวฮีโร่มาทำให้พวกเขานั้นมีความต้องการที่จะนำเสนอเรื่องราวสถานการณ์สงครามการเมืองให้ออกมาสมจริงมากที่สุด

 

ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะใช้ภาษาอิรักเป็นภาษาหลักตลอดทั้งเรื่องโดยที่ไม่สนใจเลยว่าผู้ชมฝั่งอเมริกานั้นอาจจะไม่ปลื้มเท่าไรนัก เพราะชาวอเมริกานั้นไม่ชอบการอ่าน Subtitle สักเท่าไหร่ แถมยังใช้วิธีการนำเสนอที่คล้ายกับสารคดีผสมกับข่าว ดังนั้นเราจึงจะได้การนำเสนอที่มีความสมจริงเป็นอย่างมากราวกับว่าเรานั้นหลุดเข้าไปอยู่ในสถานการณ์สงครามจริง ๆ

 

 

ในขณะที่ภาพยนตร์ร้องเพลงที่มีฉากที่หนักกว่าและช่วงเวลาที่น่าทึ่งการยิงและฉากที่หนักหน่วงมากขึ้นในบางครั้งก็ให้ความรู้สึกคล้ายกับวิดีโอเกม ด้วยนวัตกรรมเพิ่มเติมเล็กน้อยในด้านการบล็อกและการทำงานของกล้องภาพยนตร์โดยรวมอาจถูกยกระดับขึ้น แต่ฉากแอ็คชั่นธรรมดา ๆ ไม่ได้เป็นโทษประหารชีวิตอย่างแน่นอน โมซูล . โมซูล เป็นภาพยนตร์ที่ให้ความสนใจในการทำมากกว่าการถล่มเราด้วยฉากแอ็คชั่นที่ฉูดฉาด อันที่จริงฉากแอ็คชั่นน่าจะเป็นจุดอ่อนที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ โชคดีที่ โมซูล ไม่จำเป็นต้องมีนวัตกรรมในการดับเพลิงเพื่อชี้ประเด็น แทนที่จะทำให้ลักษณะทางกายภาพของการต่อสู้เป็นจุดโฟกัสหลัก โมซูล แทนที่จะเลือกที่จะให้ความสำคัญกับความหมายที่แท้จริงของการมีชีวิตอยู่ในสภาวะแห่งความกลัวและความโกรธอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ต้องทำในการยึดบ้านของคน ๆ หนึ่งกลับคืนมาและสร้างโลกที่แตกสลายขึ้นมาใหม่ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดนั้นคืออะไร การต่อสู้เพื่ออิสรภาพเป็นสิ่งที่น่าเกลียดและไร้ความปราณีอย่างไม่ย่อท้อ แต่ก็อาจจะดีมาก เป็น อิสรภาพที่แท้จริงเมื่อสิ้นสุดการต่อสู้ครั้งนี้ โมซุลไม่ได้เน้นย้ำถึงธีมและการส่งข้อความทั้งหมดด้วยความสง่างาม แต่เป็นการสร้างความสมดุลระหว่างความรู้สึกที่แท้จริงของมนุษยชาติแม้ในช่วงเวลาที่รุนแรงที่สุดและนั่นคือเหตุผลที่มันได้ผล

 

 

 

สรุปภาพรวม

 

ถือเป็นหนังสงครามสเกลเล็กที่แปลกตา มีฉากสู้รบกับไอซิสที่เก็บรายละเอียดมาได้สมจริง ตัวเรื่องมีฉากสู้รบเป็นระยะๆ ที่ให้อารมณ์ระทึกเหมือนอยู่ในดงสงครามที่อันตรายตลอดทาง ตอบโจทย์คอหนังสงครามได้แน่นอน พร้อมกับมีดราม่าเล็กๆ แทรกคั่นมากับปมการปกปิดจุดสำคัญของภารกิจลับในเรื่อง ที่ช่วยให้คนดูสงสัยติดตามไปได้จนจบ เพียงแต่พอเฉลยแล้วไม่ได้สร้างอารมณ์ร่วมให้ได้มากสักเท่าไหร่นัก  โดยสรุป นี่เป็นหนังสงครามที่มีการเรียงร้อยเรื่องราวหลายแง่มุมที่ชวนถกเถียงมากไปกว่าแค่ความขัดแย้งหรือความแค้น มีฉากแอ็กชันที่ดี ออกแบบบทสนทนาที่ดี คิดมาเยอะ ดีไม่ดีคิดระหว่างทางมาเยอะเกินไปจนปลายทางเริ่มไม่ตอบโจทย์เสียด้วยซ้ำ อย่างไรก็ดีหนังเรื่องนี้ดูสนุกอยู่ไม่น้อย ดูผลาญเวลาได้สบายครับ

 

จุดเด่น

 

ภารกิจลับในเรื่องที่ดูคลุมเครือว่าคืออะไรกันแน่ และชวนให้คนดูสงสัยในการกระทำของกลุ่มตัวเอกในเรื่องไปพร้อมกัน

รายละเอียดการสู้รบกับไอซิสในสงครามกลางเมืองที่สมจริง

ตัวเรื่องสั้นและใส่ฉากสู้รบมาต่อเนื่องไม่ค่อยได้หยุดพัก

 

จุดด้อย

 

ฉากเฉลยความลับสุดท้ายของเรื่องบิ้วอารมณ์ได้ไม่เพียงพอให้อินอะไรนัก

เรื่องราวสั้น แต่มีตัวละครเยอะมาก ไม่ทันจะจำได้ก็ตายซะก่อน

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *