รีวิว Bridgerton SS2: รักน้ำเน่าของท่านเคานต์มีปม

รีวิว Bridgerton SS2: รักน้ำเน่าของท่านเคานต์มีปม

รีวิว Bridgerton SS2: รักน้ำเน่าของท่านเคานต์มีปม

 

หลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก สำหรับซีรีส์ Love Drama Comedy ‘Bridgerton’ ที่สร้างมาจากผลงานอันเลื่องชื่อของ ‘จูเลีย ควินน์’ (Julia Quinn) นักเขียนนิยายมือรางวัลที่มีชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่งในกลุ่มนิยายโรมานซ์ ซีซันแรกเป็นเรื่องราวของ ดาฟนีและดยุคแห่งเฮสติงส์ ซีซันนี้จะโฟกัสไปที่เรื่องราวความรักระหว่างพี่ชายคนโตแห่งตระกูลบริดเจอร์ตัน คือ แอนโทนี บริดเจอร์ตัน และเคท ชาร์มา

 

สำหรับซีรีส์ชุดนี้ทางผู้สร้างก็ได้ประกาศไว้แล้วนะคะว่าจะผลิตออกมาถึง 4 ซีซันจากหนังสือชุดบริดเจอร์ตัน 4 เล่ม ซึ่งจะเป็นเล่มไหนบ้างนั้นก็เป็นเรื่องที่คงต้องเดากันไปก่อน เพราะเขาไม่ได้บอกเอาไว้แฮะ แต่ถ้าจะให้ผู้เขียนเดาละก็ อาจจะเรียงลำดับ 1-4 หรืออาจจะจับเอาเรื่องที่โด่งดังที่สุดในบรรดา 8 เล่มมาทำก็เป็นได้ เพราะจากซีซันแรกที่เล่าเรื่องราวในเล่มที่ 1 ‘ดยุคในดวงใจ’ (The Duke & I) ผู้สร้างก็สานต่อเรื่องราวในเล่มที่ 2 ทันทีคือ ‘ไวส์เคานต์ที่เฝ้ารอ’ (The Viscount Who Loved Me) และทั้งสองเรื่องก็เป็นเรื่องที่เข้ารอบสุดท้ายในรางวัล RITA ประเภท Long Historical RITAs ซึ่งผลงานชุดบริดเจอร์ตันเข้ารอบสุดท้ายถึง 4 เรื่องและคว้ารางวัลนี้มาได้ 1 เรื่องคือเล่มที่ 8 ‘วิวาห์ชะตารัก’ (On The Way To The Wedding)

 

(*รางวัลริต้า คือรางวัลที่เป็นเกียรติยศสูงสุดของงานแนวโรมานซ์ ตั้งชื่อตาม ริตา เคลย์ เอสตราดา (Rita Clay Estrada) เจ้าแม่นิยายโรมานซ์ผู้มีชื่อเสียงและเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งสมาคมนักเขียนนิยายโรมานซ์แห่งอเมริกา)

 

รีวิว Bridgerton SS2: รักน้ำเน่าของท่านเคานต์มีปม

รีวิว Bridgerton SS2: รักน้ำเน่าของท่านเคานต์มีปม เรื่องย่อ

การกลับมาคราวนี้ของเรื่องราวความรักจากพี่น้องตระกูลบริดเจอร์ตันผ่านการบอกเล่าจากหนังสือพิมพ์แจกที่เขียนโดย เลดี้ วิสเซิลดาวน์ ผู้รอบรู้ในเรื่องซุบซิบนินทาในวังไฮโซแล้วเขียนออกมาเผยแพร่จนโด่งดัง จนเป็นปริศนาในเรื่องให้เหล่าตัวละครสงสัยว่า วิสเซิลดาวน์คือใคร

 

หลังจากในซีซันแรก พี่สาวคนโตคือ ดาฟนี่ ซึ่งเป็นหญิงสาวสวยและมีความสง่างามจนได้รับการยกย่องว่าเป็นเพชรน้ำเอกของปี ซึ่งเป็นระบบที่ให้เหล่าตระกูลผู้ดีต่างๆส่งหญิงสาวร่วมงานในวังแล้วเข้าเฝ้าพระราชินี ซึ่งผู้ที่ต้องตามากที่สุดในปีนั้นก็จะได้รับการยกย่องให้เป็นเพชรน้ำเอกแห่งปีนั้น แล้วก็มีโอกาสที่จะถูกเข้าหาจากบรรดาชายหนุ่มจากตระกูลผู้ดีทั้งหลายเพื่อขอแต่งงาน

หนังใหม่

โดยในซีซันแรก ดาฟนี่ ผู้ได้รับเลือกเป็นเพชรน้ำเอก ก็ได้พบรักกับท่านดยุค ไซม่อน เฮสติ้ง ซึ่งเป็นเพื่อนของ โคลิน พี่ชายคนโตของเธอ หลังจากผ่านเรื่องราวสุดดราม่ามากมาย ในที่สุดทั้งสองคนก็แต่งงานและได้ใช้ชีวิตรักอย่างมีความสุข

 

ส่วนในซีซันสอง เรื่องกลับมาบอกเล่าถึงพี่น้องคนอื่นในครอบครัวบริดเจอร์ตัน เมื่อเพเนโลอิส น้องสาวคนรองจะต้องเปิดตัวเข้าร่วมงานสังคมและร่วมถูกคัดเลือกเพชรน้ำเอก แต่ความตึงเครียดก็ไม่ได้มีแค่นั้น เพราะพี่ชายคนโตที่จำต้องขึ้นมารีบสืบทอดกิจการดูแลครอบครัวอย่าง โคลิน ซึ่งมีอายุ 26 ปีแล้ว จำเป็นต้องรีบหาผู้หญิงที่จะมาแต่งงานเป็นภรรยา ให้สมกับสถานะผู้นำตระกูล แต่โคลินก็ตั้งเงื่อนไขมากมายในการเลือกเจ้าสาว ทั้งด้านรูปลักษณ์ภายนอก ความคิดอ่าน ความรอบรู้ งานอดิเรก ความสามารถพิเศษ แม้เขาจะได้พบกับหญิงสาวผู้ดีมากมายที่ทั้งสวยและมีความสามารถ แต่ด้วยเงื่อนไขที่ตั้งไว้ก็ทำให้เขาไม่สามารถเลือกหญิงสาวจากตระกูลผู้ดีคนไหนได้เลย

 

แต่แล้วบังเอิญวันหนึ่งเขาได้พบกับหญิงสาวผิวสีจากตระกูลผู้ดีตกอับที่เพิ่งเดินทางมาจากอินเดียคือ เคท ชาร์มา แล้วทั้งสองก็เริ่มมีความสนใจกัน แต่เคทเดินทางมาอังกฤษโดยมีเป้าหมายคือต้องการช่วยผลักดันให้น้องสาวที่เดินทางมาด้วยกันคือ เอวิน่า ให้ได้เข้ารับเลือกเป็นเพชรน้ำเอกเพื่อหาสามีที่มีสถานะมั่นคงให้แต่งงานด้วย ในขณะเดียวกัน โคลินก็รู้สึกว่าเอวิน่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับตำแหน่งเจ้าสาวของเขา ดังนั้นเขาจึงใช้ความพยายามเข้าหาเธออยู่ตลอด แต่กลายเป็นว่ายิ่งเวลาผ่านไป โคลิน กับ เคท ได้เริ่มมีความรู้สึกที่ดีให้กันมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นความรัก นั่นเองที่ทำให้เรื่องราววุ่นวายเกิดขึ้น

 

 

จากซีซัน 1 หากจะมีใครสักคนจำได้แอนโทนี เป็นพี่ชายคนโตที่ไม่เชื่อในความรักแต่เขาก็มีคู่นอนเป็นนักร้องโอเปร่าคนหนึ่ง เกือบจะคิดจริงจังแล้วเชียวแต่ก็ถูกปฏิเสธจากเธอในที่สุด ในหนังสือมีการกล่าวถึงนักร้องโอเปร่านิดเดียวค่ะ แต่ในซีรีส์โผล่มาหลายฉากซะเหลือเกิน ก็เป็นการปูเอาไว้นะคะว่าแอนโทนีนั้นเสเพลได้ใจ เลดี้วิสเซิลดาวน์จะคิดว่าเขาไม่มองหญิงใดเลยก็คงจะไม่แปลก และเรื่องราวต่าง ๆ มันก็เริ่มแบบยุ่ง ๆ ด้วยเสียงซุบซิบจากเลดี้วิสเซิลดาวน์อีกแล้ว

 

 

เรื่องราวของพี่น้องตระกูลบริดเจอร์ตัน เป็นเรื่องราวน้ำเน่าอยู่แล้วนะคะ ซึ่งใน 2 ซีซันนี้ หรือว่ากันง่าย ๆ ก็คือหนังสือสองเล่มนี้มีสิ่งหนึ่งคล้าย ๆ กันก็คือ ความมีปมของพระเอก อารมณ์กาสะลองซ้องปีบเลยจ้ะ ในซีซันแรกท่านดยุคแห่งเฮสติงส์ มีปมเรื่องการมีลูก อยากมีเมียแต่ฉันจะไม่มีลูกกับเธอเด็ดขาด ส่วนพระเอกซีซันนี้ก็มีปมเรื่องความรัก ไม่อยากรักใครเพราะไม่อยากให้เมียต้องเศร้ามากถ้าเขาตายไปก่อน เพราะฉะนั้นผู้ที่ตั้งใจมาเสพ ก็เตรียมตัวเอาไว้เลยว่า คุณจะเจอกับเรื่องราวน้ำเน่าสุดพรรณาที่เป็นแบบฉบับของนิยายโรมานซ์ทั่วโลก เน่าทุกประเทศนั่นแหละจ้ะไม่มีใครน้อยหน้ากัน

ความรู้สึกหลังดู

 

รีวิว Bridgerton SS2: รักน้ำเน่าของท่านเคานต์มีปม

ซีรีส์ชุดนี้เขาชูเรื่องการเปลี่ยนแปลงเอาไว้อยู่แล้วจากซีซันแรกที่เราเห็น และมากมายขึ้นไปอีกที่ซีซันนี้อย่างที่หรี่ตามองก็ยังเห็นชัดซะด้วยสิ สำหรับคอนิยายอาจไม่ชอบใจจนถึงขั้นไม่อินกับการปรับเปลี่ยนชนิดล้างตระกูลกันไปเลย ด้วยการให้ตระกูลเชฟฟิลด์ ที่เป็นตระกูลฐานะปานกลางในลอนดอนกลายเป็นตระกูล ชาร์มา ตระกูลผู้ดีตกอับที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากอินเดีย แถมเรื่องราวของพระนางที่กว่าจะได้แต่งงานกันก็นู่นแน่ะเกือบจะจบเรื่อง ทั้งที่การแต่งงานของทั้งคู่ในนิยายเริ่มต้นมาจากการดูดพิษผึ้งที่หน้าอกท่ามกลางสายตาของผู้คน จนกลายเป็นเรื่องฉาวโฉ่ที่ทำให้สองคนต้องแต่งงานกันและกลายเป็นคู่รักคู่กัดกันอย่างดุเดือด

   ดูหนัง   

 

ซีรีส์ทำซีนนี้ออกมาเบา ๆ แบบเร้าอมรมณ์นิด ๆ ค่ะโดยการให้พระเอกตกใจมากจนนางเอกต้องดึงมือมาจับที่หน้าอกแล้วบอกว่า “แค่ผึ้งต่อยเอง ฉันไม่เป็นไร ดูสิ” แล้วตรงนั้นก็ไร้ผู้คนอีกต่างหาก ทำเอาคนดูอย่างอิฉันที่รอคอยซีนนี้เริ่มสงสัยแล้วว่าเขาจะเขียนให้เริ่มแต่งงานกันตอนไหนเนี่ย แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลยคือความเข้มข้นที่ทั้งนิยายและซีรีส์ทำได้ดีกว่าซีซันแรก เรียกว่ามีเนื้อหาที่เข้มขนกว่าไม่เพ้อฝันเท่าซีซันแรก การเป็นคู่กัดยังคงอยู่แต่เพิ่มเติมคือกัดกันนานเชียวกว่าจะได้ครองคู่ เรียกว่าเหลือเอาไว้แต่โครงสร้าง เนื้อหนังมังสา ตับไตไส้พุงพี่แกเปลี่ยนแหลกลาญจนแทบจะกลายเป็นคนละคนกันเลยเชียว

 

 

ที่มากไปกว่านั้นก็คือการเล่าเรื่องแบบคู่ขนาน ที่อีกฝั่งก็เล่าเรื่องของคู่เอกกับเส้นทางการลับฝีปาก ส่วนอีกฝั่งก็เล่าถึงการตามหาเลดี้ วิซเซิลดาวน์อย่างจริงจังเหลือเกิน จากที่เฉลยตัวตนที่แท้จริงไว้แล้วในท้ายซีซันแรกว่าคือ ‘พเนโลปี้ ฟีเธอริงตัน’ (นิโคลา โคแลน) ด้วยการทุ่มสุดตัวของ ‘เอโลอิส บริดเจอร์ตัน’ (คลอเดีย เจสซี) ซึ่งฤดูการนี้ถึงคราวที่เธอจะเป็นสาวเดบูตองต์กับเขาแล้ว เรียกได้ว่าตีคู่กันมากับเส้นเรื่องหลักจนทำให้ความโดดเด่นของพระนางแลดูหมอง ๆ ลงไป ในมุมมองหนึ่งก็ดูจะมากไปแต่ก็เป็นไปได้ว่าผู้เขียนบทอาจปูทางไว้เพื่อให้ไปต่อในซีซัน 3

 

 

จุดนี้ทำให้เกิดการคาดเดาว่าซีซัน 3 ที่จะผลิตออกมาในอนาคตจะเอาเล่มไหนมาทำกันแน่ ด้วยเรื่องราวที่เน้นไปที่ตัวเลดี้ วิซเซิลดาวน์เหลือเกิน ทำให้ในซีซัน 3 ผู้เขียนขอบังอาจเดาว่าอาจจะเป็นเล่ม 4 ‘บริดเจอร์ตันที่ฝันใฝ่’ Romancing Mr Bridgerton ที่เป็นเรื่องราวของเพเนโลพีกับคอลิน โดยข้ามเล่ม 3 ‘สุภาพบุรุษสุดที่รัก’ An Offer From a Gentleman ที่เป็นเรื่องราวของเบเนดิกกับโซฟีไปเลยก็ได้ แล้วไปจบซีซัน 4 ที่ เล่ม 8 ‘วิวาห์ชะตารัก’ On The Way To The Wedding เรื่องราวของเกรกอรี ที่ได้รางวัล Best Long Historical Romance of the year จาก RITA Awards RITAs ในปี 2007 ทั้งหมดที่ว่ามานี่ เดาล้วน ๆ เลยนะจ๊ะ

 

 

 

เรื่องคอสตูมอลังการนี่ไม่ต้องพูดถึงค่ะ เพราะการประโคมโหมใส่อย่างวิจิตรมีให้เห็นอยู่แล้วอย่างไม่ต้องผิดหวัง ทรงผมฟองตางเก (The Fontange) ของราชินียังคงหัวสูงกว่าชาวบ้านอยู่คนเดียวอย่างสวยงาม เดินผ่านโคมเทียนไม่ได้นะคะ ไฟไหม้วังกันได้ง่าย ๆ จุดนี้ไม่มีแผ่วพอ ๆ กับเรื่องของการจิกกัดเสียดสีสังคม ในหนังสือว่าจิกกัดแล้ว ในซีรีส์จิกกัดยิ่งกว่าด้วยการไม่พูดพล่ามทำเพลงกับการตีความใหม่ของตัวแสดงที่เราแทบจะเคยชินอยู่แล้วจากซีซัน 1 คือการให้คนผิวสีมีบทบาทในสังคมชั้นสูงโดยที่สภาพความเป็นจริงในสมัยนั้นไม่มีวันที่จะผงาดขึ้นมาได้

รีวิว Bridgerton SS2: รักน้ำเน่าของท่านเคานต์มีปม

 

แต่ซีซันนี้เพิ่มเติมเข้าไปอีกด้วยการให้เห็นอีกมุมของวงสังคมไฮโซว่า ความรุ่มรวยที่เห็นนั้นได้แอบซ่อนปัญหาหน้าบางของผู้ดีเอาไว้อย่างร้ายกาจ คือฝั่งครอบครัวฟีเธอริงตัน ที่ผู้เป็นแม่ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดของครอบครัวด้วยวิธีการน่ารักเกียจที่สังคมภายนอกคงยากจะเข้าใจ เพื่อให้ตัวเองดูดีมีฐานะอยู่ตลอดเวลาทั้งที่ความจริงแล้วกำลังถังแตกขั้นสุด และการเป็นม้านอกสายตาของพเนโลปี้ ที่รูปลักษณ์ภายนอกของเธอไม่เป็นที่เตะตาของชายหนุ่ม ไม่มีใครสนใจเธอและไม่เคยมีใครเห็นเธอเป็นคนสำคัญ จนทำให้เธอต้องหาแสงให้ตัวเองด้วยการเป็นเลดี้วิสเซิลดาวน์ ถึงแม้ว่าต้องทำร้ายคนทั้งเมืองด้วยเสียงซุบซิบก็ตามที

 

และที่มากไปกว่านั้นก็คือการชูความสามารถของผู้หญิงที่ผู้ชายมองข้ามมาตลอด พวกเธอเหล่านั้นอาจเป็นช้างเท้าหลังในวงสังคม แต่เบื้องหลังของเหตุการณ์ทั้งดีและร้าย มีสองมือแม่นี้ที่ครองโลกอยู่อย่างเห็นได้ชัด คืดหัตถาครองพิภพจบในตอนกันเลยจ้ะ

 

รีวิวหนัง    

 

ใครที่คาดหวังว่าจะได้เห็นฉากเผ็ดร้อนแซ่บซี๊ดและมากมายจนประเคนกันแล้วประเคนกันอีกอย่างซีซันแรก ไม่มีจ้ะ กว่าเขาจะเข้าด้ายเข้าเข็มก็นู่นรอไปจนเกือบจะจบเรื่องนั่นแหละ เพราะซีซันนี้เน้นไปที่เนื้อหาของประเด็นสังคมมากกว่า ความเหลื่อมล้ำของฐานะ ความไม่เท่าเทียมโดยเฉพาะทางเพศ การแสวงหาผลประโยชน์จากความไว้ใจ จนเนื้อความของคู่พระนางแผ่วลงไปและออกจะรวบรัดในตอนท้าย ๆ เสียด้วยซ้ำ แง่ดีก็คือเราได้เห็นเนื้อหาในมุมอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น เข้มข้นขึ้น น่าติดตามขึ้นสมกับความเป็นนิยายและการตามต่อในซีซันต่อไปที่ดึงดูดให้ติดตามอยู่พอสมควร

 

ส่วนความฟินของคู่พระนางนั้น น้อย สั้นแต่กลับเหมาะสมกันดีไม่ต่างจากซีซันแรก กับบทบาทที่ปั้นให้เคทเป็นผู้หญิงเก่งที่แทบจะเป็นผู้นำครอบครัว แทนที่จะเป็นจอมจุ้นจ้านแบบในนิยาย พอ ๆ กับแอนโทนีที่แบกภาระไว้บนบ่า ใบหน้าคม ๆ และคารมที่ไม่ยอมใครของซีโมน แอชลีย์ ที่มารับบทเคท ชาร์มาเหมาะสมมาก แต่อาจไม่เป็นที่นิยมของสาวกนิยายเท่าไหร่นัก ในบทนี้เคทเป็นตัวแทนของหญิงแกร่งที่สู้เพื่อแม่และน้องอย่างแท้จริง แถมสามีในอนาคตยังมีปมอมพะนำพระเอ๊กพระเอกว่างั้นเถอะ

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *