รีวิว do revenge (แค้นนัก…สลับกันแก้)

 

รีวิว do revenge (แค้นนัก…สลับกันแก้)

 

 

หนังเน็ตฟลิกซ์กระแสแรงในขณะนี้ยกให้เรื่อง Do Revenge แค้นนัก…สลับกันแก้     ดูหนังฟรี ผลงานของ เจนนิเฟอร์ เคย์ทิน โรบินสัน หนังฝรั่ง netflix รัก        (Jennifer Kaytin Robinson)    ดูหนังออนไลน์ กับการกำกับและเขียนบทหนังยาวหลังจากเพิ่งมีผลงานการเขียนบทหนังสุดป่วง ‘Thor: Love and Thunder’ (2022) มาไม่นาน ซึ่งหากดูผลงานที่ผ่านมาของเธอก็อาจพอกล่าวได้ว่าเธอถนัดในหนังแนววัยรุ่นพลังหญิงอย่างในเรื่องนี้มากกว่าพวกหนังฮีโรเสียอีก ทั้งการเขียนบทซีรีส์ ‘Unpregnant’ (2021) ที่ว่าด้วยเพื่อนหญิงที่ตั้งใจเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำแต่ดันพลาดตั้งท้องก่อน หรือซีรีส์ ‘Sweet/Vicious’ (2016) ที่บอกเล่าเรื่องราวของเพื่อนหญิงที่ทำตัวเป็นศาลเตี้ยเอาคืนพวกล่วงละเมิดทางเพศในรั้วมหาวิทยาลัย จะเห็นได้ว่าแม้จะเป็นหนังซีรีส์วัยรุ่นทั่วไป แต่โรบินสันก็มักมีแง่มุมบางอย่างที่แตกต่างมานำเสนอ หนังแนะนำ

 

 

รีวิว do revenge (แค้นนัก…สลับกันแก้) เรื่องย่อ 

 

รีวิว do revenge (แค้นนัก…สลับกันแก้) เรื่องราวของหญิงสาว 2 คน ได้แก่ Drea (Camila Mendes) และ Eleanor (Maya Hawke) ที่ได้มาร่วมมือกันเพื่อแก้เผ็ดเหล่าเพื่อนตัวแสบ ซึ่งเดิมที Drea เป็นแฟนของหนุ่มฮอตประจำโรงเรียนอย่าง Max (Austin Abrams) ทำให้เธอได้กลายเป็นดาวเด่นไปด้วย ทว่าอยู่มาวันหนึ่งแฟนหนุ่มของเธอดันปล่อยคลิปลับของเธอออกมาและด้วยความโมโหเธอจึงเดินไปตบหน้าเขาต่อหน้าเพื่อนๆ ทุกคนในโรงเรียน ทำให้เธอถูกประนามว่าเป็นพวกใช้ความรุนแรง แถมเหตุการณ์ยังส่งผลให้เธออดได้ทุนจากมหาลัยและกลายเป็นสาวฮอตตกกระป๋องไร้อนาคต จนเธอได้เจอกับนักเรียนที่ย้ายมาใหม่อย่าง Eleanor ซึ่งตัวของ Eleanor ก็มีความแค้นส่วนตัวกับ Carissa (Ava Capri) เนื่องจากตอนเด็ก Eleanor เคยถูก Carissa ไปบอกกับเพื่อนว่าเธอเป็นเลสเบียนจนทำให้เธอไม่มีเพื่อนคบมาจนปัจจุบัน โดยเมื่อเด็กสาวทั้ง 2 ที่มีความแค้นได้มาเจอกัน ทั้งคู่จึงได้ร่วมมือกันเพื่อที่จะแก้แค้น Max และ Carissa ที่เคยทำให้ชีวิตของพวกเธอพังทลาย สุดท้ายแล้วเรื่องราวทั้งหมดจะลงเอยอย่างไร ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง Do Revenge (แค้นนัก…สลับกันแก้) รับชมได้แล้วตอนนี้พร้อมพากย์ไทยทาง Netflix  Netflix youtube

 

 

ความรู้สึกหลังดู

 

สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ผมเห็นตั้งแต่ครั้งแรกที่ปล่อยตัวอย่างออกมา แค่ตอนเห็นว่ามี Maya Hawke จาก Stranger Things แสดงนำ ผมก็ตั้งตารอและอยากดูมากๆ แล้ว ซึ่งโดยส่วนตัวผมก็ไม่ได้ตั้งความหวังไว้ว่าหนังเรื่องนี้จะออกมาดี หวังแค่ว่าคงดูได้เพลินๆ ตามแบบฉบับหนังไฮสคูลทั่วไป แต่ปรากฎว่าหนังมันดีเกินกว่าที่คาดไว้พอสมควร และมีดีในหลายๆ ด้านเลย เริ่มที่บทกันก่อน สำหรับบทของเรื่องนี้นับว่าเขียนมาอย่างดี แม้ว่าพล็อตหลักๆ จะดูไม่มีอะไรมาก แต่ก็เขียนออกมาได้อย่างมีชั้นเชิง มีการสลับขาหลอกหักมุมคนดู และสิ่งที่ชอบมากๆ เลยคือรายละเอียดต่างๆ ที่ใส่ใจพอตัวเลยก็ว่าได้ เพราะตัวละครทุกตัวมีมิติมาก มีเรื่องราวเบื้องหลังของตัวละครให้เราได้เห็น รวมถึงไดอะล็อกที่แสดงออกให้เห็นถึงนิสัยใจคอของตัวละครนั้นๆ คือหนังเรื่องนี้จะไม่ได้เน้นให้เราดูฉากเวอร์วังอะไรนานๆ เขาไปเน้นที่การเล่าเรื่องเป็นหลัก คือเรื่องราวมันเยอะแต่ว่าใช้การดำเนินเรื่องเร็วๆ แทน ซึ่งเรื่องราวที่ปูมาก็มีความหมายทั้งสิ้น ไม่ได้เล่าทิ้งเล่าขว้างเลยแม้แต่น้อย ตอนแรกก็แอบสงสัยว่าทำไมหนังถึงได้ยาวไป 2 ชั่วโมงกว่า แต่พอดูแล้วก็เข้าใจได้เลย เพราะเรื่องราวมันค่อนข้างซับซ้อน แถมยังครบรส มีทั้งดราม่า ตลก เสียดสีสังคมยุคปัจจุบัน นับว่าเป็นอีกเรื่องที่อยากให้ทุกคนลองเปิดใจดูหนังแนะนำ

 

 

 

หนังอาจดูโดดเด่นจากพล็อตตั้งต้นแต่ก็ยังไม่หนีจากสูตรสำเร็จในหนังแนวนี้ที่ถึงช่วงหนึ่งหลังการแก้แค้นสุดแสบสันสะใจคนดู (ที่เอาจริงก็ยังไม่ค่อยรู้สึกสะใจเท่าไร อาจด้วยเรตที่มันเป็นหนังใส ๆ วัยรุ่นด้วย) เราก็คาดหมายได้ว่าที่สุดสองเพื่อนซี้เฉพาะกิจจะต้องมีดราม่าผิดใจกันแล้วไปคลี่คลายใจเพื่อจบปัญหาทั้งหมดอีกทีในท้ายสุดแบบสวย ๆ แต่โรบินสันก็พยายามดิ้นท่ายากอีกตลบหนึ่งเพื่อบอกว่านี่ไม่ใช่หนังวัยรุ่นที่เดาทางง่ายเบอร์นั้นหรอกนะ และทำให้อะไร ๆ ที่เล่าผ่านมาเริ่มดูย้อนแย้งและไร้เหตุผลมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งถามว่าน่าสนใจมั้ยก็ทำให้จากหนังวัยรุ่นดูฆ่าเวลาแล้วลืมกันไป พอได้มีอะไรให้ติดคาในใจอยู่บ้าง แต่วิธีการเพื่อให้คนดูประทับใจนั้นก็กลายเป็นรสที่ไม่ค่อยเข้ากันดีกับวิธีการเล่าที่ดำเนินมาแต่แรกนัก

 

 

และด้วยความยาวของหนังเกือบ 2 ชั่วโมง ตลอดเวลาการดูก็ได้แต่ยิ่งสงสัยว่าหนังจะเอาตัวรอดจากความซับซ้อนวุ่นวายที่ผูกขึ้นมาเองได้อย่างไร และน่าเสียดายที่หนังก็หาวิธีลงได้แบบฝืดเคืองสีข้างเล็กน้อย ซึ่งมันก็พอรับได้ถ้ามันไม่รวบรัดตัดความ ก้าวข้ามการเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของตัวละครไปแบบรวดเร็วเพื่อให้ทันกับเวลาที่เหลือไม่มากของหนัง เพราะดันเอาเวลาส่วนใหญ่ไปเล่นท่ายากหักมุมหลายตลบและพยายามสร้างฉากมาอุดบาดแผลที่มันเกิดขึ้นไปเสียแล้ว  Me time

 

และนั่นทำให้ฉากสุดท้ายของหนังเราต้องดูไปด้วยคำถามคาใจมากมายว่า เอาจริงดิ ถ้าเป็นเราจะยอมคบคนแบบนี้หรือแบบนี้อย่างสนิทใจต่อไปจริงสิ? โอ้วน่าเหลือเชื่อมาก ๆ หลังจากการเรียนรู้อันฝืนยัดและพัฒนาการตัวละครผ่านช่วงเวลาอันน่าเห็นใจอยู่เหมือนกัน คำตอบของพวกตัวละครหลักมันคือสิ่งนี้จริงสิ

 

 

ด้านการแสดง

 

ด้านการแสดง ส่วนนี้ก็ดีมากไม่แพ้กัน นักแสดงนำ 2 คนอย่าง Maya Hawke และ Camila Mendes สามารถแบกหนังทั้งเรื่องได้อย่างสบายๆ และด้วยบทที่เขียนมาดี ออกแบบตัวละครมาดี พอมาเจอกับนักแสดงที่มีความสามารถมันยิ่งดีไปใหญ่ เคมีของทั้ง 2 เข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ Maya Hawke ยังคงเท่และมากไปด้วยเสน่ห์เหมือนเดิม ส่วน Camila Mendes ก็สวย เริ่ด เชิ่ด เอามากๆ ส่วนนักแสดงสมทบคนอื่นๆ ก็แสดงได้ดีไม่แพ้กัน เพราะอย่างที่บอกว่าเรื่องนี้ออกแบบตัวละครมาดีมากๆ ทำให้ตัวละครสมทบทุกตัวในเรื่องมีเสน่ห์และเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง คือเห็นแค่ครั้งเดียวก็จำได้แล้วว่าใครเป็นใคร ผมไม่อยากจะลงรายละเอียดอะไรมากมาย เอาเป็นว่านักแสดงทุกคนทำได้ดีและเหมาะสมกับบทบาทที่ได้รับกันหมด ส่วนตัวไม่มีอะไรจะติด้านการแสดง

 

 

สิ่งแรกที่อยากชมเบื้องหลังของภาพยนตร์เรื่องนี้ทุกคนคือ ความทันกระแสของโลกสมัยใหม่ เริ่มจากการคัดเลือกนัดแสดงอย่าง มายา ฮอว์ก เคยแสดงเรื่อง Stranger Things (สเตรนเจอร์ ธิงส์) และคามิลา เมนเดส เคยแสดงเรื่อง Riverdale (ริเวอร์เดล) ซึ่งเรียกได้ว่าทั้งสองซีรีส์ดังกล่าวได้รับความนิยมจากวัยรุ่นทั่วทั้งโลกเป็นอย่างมาก การคัดเลือกนักแสดงทั้งสองมาเล่นบทนำใน Do Revenge จึงเหมาะแก่การเป็นหนังวัยรุ่นยุค 2022 ได้ดีเลยทีเดียว

 

นอกจากนักแสดงนำทั้งสองแล้ว Do Revenge ยังขนทัพนักแสดงสมทบที่เป็นดาราวัยรุ่นมาให้ร่วมแสดงกันหลากหลายตัวละครเลยทีเดียว ทำให้มิติของการเป็นหนังไฮสคูลดูสมจริงมากยิ่งขึ้น รวมถึงลักษณะคาแรกเตอร์ของทุกคนก็มีภาพจำที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทำให้การเล่าเรื่องมีความลื่นไหล ไม่ติดขัดเพราะจะจำหน้าตัวละครไม่ได้

 

 

รวมถึงการต่อบทหรือคำพูดต่าง ๆ ภายใน แค้นนัก…สลับกันแก้ เรียกได้ว่าตามทันกระแสโซเชียลสุด ๆ เพราะไม่ว่าจะกี่ฉากที่ตัวละครต่าง ๆ ประชันหน้าฟาดฟันกันก็ทำให้เชื่อได้เลยว่า Do Revenge คือหนังไฮสคูลของเด็ก Gen Z สุด ๆ

 

 

 

 

รีวิว do revenge (แค้นนัก…สลับกันแก้) งานภาพและการโปรดักชั่น

 

รีวิว do revenge (แค้นนัก…สลับกันแก้) ส่วนสุดท้ายคือด้านงานภาพและการโปรดักชั่น ส่วนนี้ก็ทำออกมาได้ดีไม่แพ้กัน ทั้งสีภาพที่แสนสดใสที่ช่วยทำให้บรรยากาศดูเป็นหนังวัยรุ่น เทคนิคการถ่ายทำ และพอมาเจอกับงานโปรดักชั่นที่ยอดเยี่ยมก็ยิ่งทำให้งานภาพออกมาสมบูรณ์ไปอีก ทั้งโลเคชั่นในการถ่ายทำ การจัดแสงต่างๆ และเสื้อผ้าหน้าผมของตัวละครที่ทำออกมาดีมาก คือชุดที่ตัวละครใส่นี่คือเริ่ดทุกชุด ซึ่งสิ่งเหล่านี้แหละที่จะช่วยส่งให้งานภาพออกมายอดเยี่ยม นอกจากนี้ เพลงประกอบในเรื่องก็ดีไม่แพ้กัน เพลงที่เลือกมาล้วนแต่เข้ากับสถานการณ์ในเรื่อง แถมมีแต่เพลงเพราะๆ ทั้งนั้น สรุปก็คือหนังเรื่องนี้เป็นหนังวัยรุ่นที่ดีเกินความดาดหมาย แถมยังทำออกมาได้ทันสมัยกับโลกปัจจุบันด้วย มีทั้งการพูดถึงเรื่องการ Woke หรือมังสวิรัต และเทรนด์อื่นๆ อีกมากมายในยุคปัจจุบัน ซึ่งนับว่าทำออกมาได้กลมกล่อมและลงตัว นานๆ ทีจะมีหนังดีๆ จาก Netflix ออกมา เลยอยากแนะนำให้ทุกคนลองไปดูกัน   do revenge ซับไทย

 

จุดเด่น

การคัดเลือกนักแสดงที่มีเสน่ห์น่าสนใจไม่รู้สึกฝืนแบบโว้กเกินควร และพลอตของหนังที่ทำให้ดูมีอะไรน่าติดตามเกินกว่าหนังวัยรุ่นทั่วไปอยู่บ้าง

 

 

จุดสังเกต

รวบรัดตัดความและขืนวิธีลงจนดูไม่ค่อยคล้อยตามได้นัก เพราะเอาเวลาไปเล่นการหักมุมแล้วตามอุดรอยรั่วในบทเสียมากแล้ว ความสนุกโดยรวมก็กลาง ๆ ดูก็ได้ ไม่ดูก็ไม่เสียดายอะไร  revenge พากย์ไทย

 

 

 

ข้อมูลทั่วไป

 

ชื่อเรื่อง : Do Revenge (แค้นนัก…สลับกันแก้)

แนว : วัยรุ่น, คอเมดี้

ผู้กำกับ: Jennifer Kaytin Robinson

ความยาว : 118 นาที

ระบบเสียง : เสียงไทยและบรรยายไทย

ช่องทางการรับชม : Netflix

 

 

ภาพยนตร์คอเมดี้ฉบับวัยรุ่นอเมริกันกำกับ Jennifer Kaytin Robinson (เจนนิเฟอร์ เคย์ติน โรบินสัน) ที่เคยบทภาพยนตร์ให้แก่เหล่าหนังชื่อดังอย่าง Thor: Love and Thunder Writer ปี 2565 มาก่อน ครั้งนี้เธอกลับมาพร้อมภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่นำทัพนักแสดงวัยรุ่นที่เป็นดาวมาแรงขณะอย่าง Camila Mendes (คามิลา เมนเดส) และ Maya Hawke (มายา ฮอว์ก) มารับบทเป็นตัวเอกของการแก้แค้นภายใน แค้นนัก…สลับกันแก้ ซึ่งสามารถชมได้แล้วที่ Netflix มีทั้งพากย์ไทยและซับไทยเลยทีเดียว