รีวิว The Wasteland

รีวิว The Wasteland

รีวิว The Wasteland

 

เน็ตฟลิกซ์ยังเป็นพื้นที่ให้โอกาสกับนักทำหนังหน้าใหม่เสมอ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นหนังเรื่องแรกของผู้กำกับ David Casademunt ซึ่งก่อนนี้เป็นมือเขียนบทมาตลอดกับทำหนังสั้นเล็กๆ มาหลายเรื่อง ในแง่การให้โอกาสทดลองทำอะไรใหม่ๆ ด้วยทุนจำกัด ก็มีโอกาสเกิดได้เช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้เองก็อยู่ในข่ายเดียวกัน ถือเป็นหนังทุนต่ำที่มีตัวละครหลักเล่นกันอยู่ 2-3 คนเท่านั้นทั้งเรื่องกับโลเกชั่นบ้านหลังเดียว  แต่ก็ถือว่ามีอะไรหลายอย่างที่ดีพอตัวเลยทีเดียว

 

 

ถือว่าเป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องของทางฝั่ง Netflix ที่ค่อนข้างน่าสนใจไม่น้อยกับ The Wasteland ถือแม้จะเป็นหนังทุนน้อยแต่ถ้ามองในส่วนงานโปรดักชั่นแล้วมันดูเหมือนหนังฟอร์มใหญ่มากกว่าที่จะฉายตามสตรีมมิ่งซะอีก The Wasteland เป็นหนังสัญชาติสเปนที่มาในคอนเซ็ปต์ปีศาจที่เกิดขึ้นจากความกลัวในจิตใจของคนที่จะออกแนวสยองขวัญปนจิตวิทยาหน่อยๆ(ให้คนดูตีความเนื้อหาในหนังเอาเอง) แถมมีการวางพื้นที่ของตัวละครให้อยู่ในสถานที่แบบจำกัดซึ่งวิธีประมาณนี้ก็มักจะใช้ได้ผลตลอดในการเพิ่มอรรถรสความตื่นเต้นของหนัง

 

 

 

หลายคนอาจจะไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า หนึ่งในอาวุธที่ทรงพลังอำนาจมากพอในการสังหารผู้คนในโลกไปจำนวนไม่น้อยคือ “ความเหงา” และ “เปล่าเปลี่ยว”

 

แต่.. ถ้าหากใครไม่เชื่อว่าทั้งสองสิ่งนี้จะสามารถสังหารผู้คนได้อย่างไร!? ก็อยากที่ชวนให้ลองมาทำความรู้จักกับหนังสยองขวัญ The Wasteland แผ่นดินร้าง ที่เชื่อว่าอาจจะช่วยเปลี่ยนมุมมองหลังจากที่รับชมมันจนกระทั่งจบได้พอสมควรเลยทีเดียว

 

 

 

The Wasteland แผ่นดินร้าง (El páramo) บอกเล่าเรื่องราวของแม่ลูกคู่หนึ่งในดินแดนห่างไกล โดยคาดหวังไว้ก่อนเลยว่าโลเคชันไกลปืนเที่ยงน่าจะทำให้ได้อรรถรสความเปลี่ยวเหงาและระทึกยิ่งขึ้น ซึ่งพอได้ดูทั้งเรื่องก็รู้สึกว่ามันทำงานกับใจได้อย่างที่คาดหวัง และยังเป็นมากกว่าหนังระทึกขวัญดาด ๆ ซะด้วย

 

 

The Wasteland เป็นหนังพีเรียดเล่าถึงยุคที่ผู้คนในสเปนพยายามหลบหนีจากภัยสงคราม ทำให้แต่ละครอบครัวเลือกจะอยู่อย่างกระจัดกระจาย ห่างไกลจากสังคม (ซึ่งก็เท่ากับว่าห่างไกลจากอันตรายหรือสิ่งที่อาจจะมาคุกคามด้วย) โดยหนังโฟกัสที่ครอบครัวหนึ่งที่มีพ่อ แม่ และลูกชายอยู่ด้วยกันอย่างสงบ แต่ชีวิตที่แสนจะเรียบง่ายนั้นต้องหยุดลง เพราะการมาเรือของเรือลำหนึ่ง พร้อมร่างท่วมเลือดที่ไม่ขยับเขยื้อน!

 

หนูน้อย ดีเอโก้ ที่ดูยังไม่ประสีประสาเท่าไหร่ เริ่มสังเกตได้ว่าพ่อแม่ของเขาทำตัวแปลกไปจากเดิม หลังจากทั้งคู่พยายามช่วยเหลือชายที่มากับเรือคนนั้น และสิ่งที่ทำให้เด็กชายยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นไปอีกก็คือเรื่องราวของ ‘ปีศาจ’ ที่พ่อเอ่ยขึ้น ซึ่งปีศาจตนที่ว่านี้เป็นหนึ่งในเหตุผลที่พ่อพยายามผลักดันให้เขารีบเติบโต จับอาวุธ และปกป้องตัวเองให้ได้ด้วย แต่กระนั้น น้องดีเอโก้คนนี้ก็ดูจะยังไม่เข้าใจถึงอันตรายที่มีอยู่รายรอบพวกเขานัก

 

 

แน่นอนว่าการมาถึงของชายแปลกหน้าย่อมนำไปสู่การตัดสินใจที่สมาชิกบ้านนี้ไม่เคยทำด้วย นั่นก็คือการที่ผู้เป็นพ่อตัดสินใจออกเดินทางไกล เหลือให้แม่กับลูกชายอยู่บ้านกัน 2 คน ซึ่งก็แน่นอนอีกว่าพอพ่อไป ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับ 2 แม่ลูก และ ‘บางอย่าง’ นั้นก็มาในรูปของ ‘ปีศาจ’ ตามเรื่องเล่าเลยนี่สิ แต่ปัญหาอยู่ตรงที่เจ้าปีศาจประเภทนี้ไม่ได้มองเห็นกันง่าย ๆ แล้วทั้งสองจะระวังตัวได้ยังไงกันล่ะ?

 

 

จริง ๆ แล้วเรากดดูอย่างไม่ได้คาดหวังความซับซ้อนหรือความพิถีพิถันในการปูเรื่องเท่าไหร่ แต่กลายเป็นว่าผลงานเรื่องนี้ดันดู ‘แพง’ กว่าหน้าหนังหรือเทรลเลอร์ที่ปล่อยออกมามาก ด้วยงานภาพเนี้ยบ ๆ และด้วยแก่นเรื่องที่ดูเหมือนจะเปิดให้ตีความ ทำให้ The Wasteland เป็นหนังระทึกขวัญที่ดูมีเสน่ห์น่าค้นหาขึ้นไปอีกระดับ ในขณะเดียวกันก็ยังถือเป็นหนังดราม่าครอบครัวและหนัง Coming-of-age ได้ประมาณหนึ่งด้วย

 

 

นอกเหนือไปจากการสู้รบกับปีศาจแล้ว หนังยังโฟกัสที่การเติบโตของหนูน้อยดีเอโก้ ที่ไม่เพียงแต่ต้องหาทางปกป้องตัวเองกับแม่เท่านั้น แต่เขายังตั้งคำถามกับการตัดสินใจของผู้ใหญ่รอบตัว โดยเฉพาะแม่ อยู่ตลอดเรื่องด้วย คล้ายจะเป็นตัวแทนของเด็ก ๆ เจเนอเรชันใหม่ ที่ทำอะไรไม่เหมือนคนรุ่นก่อน ถึงแม้จะมีจุดมุ่งหมายเดียวกันก็ตาม เรื่องนี้ออริจินัลเป็นภาษาสเปน แต่มีเสียงพากย์อังกฤษและพากย์ไทยให้เลือก

 

 

 

เรื่องย่อ รีวิว The Wasteland

รีวิว The Wasteland

เนื้อเรื่องเกริ่นนำว่า สเปนในศตวรรษที่ 19 ประสบปัญหาจากสงครามต่อเนื่องทำให้ประเทศได้รับความเสียหาย ทำให้ผู้คนตัดสินใจแยกตัวออกไปจากสังคม ซึ่งครอบครัวในเรื่องนี้ก็เช่นกันมีเพียงพ่อแม่ลูก 3 คน อาศัยอยู่ในพื้นที่ร้างห่างไกลผู้คน ดำเนินชีวิตไปตามปกติ แต่หลังจากนั้นความกลัวก็เกาะกินในใจเข้ามา เมื่อพวกเขาเริ่มเห็นปีศาจปรากฎตัวขึ้นในที่แห่งนี้… หนังใหม่

 

 

หนังสยองขวัญ The Wasteland แผ่นดินร้าง เป็นเรื่องราวของครอบครัวขนาดเล็ก พ่อ แม่และลูกชายตัวเล็กที่อาศัยกันอยู่อย่างโดดเดี่ยวห่างไกลจากผู้คน แต่หลังจากนั้นไม่นานนักความสงบสุขของพวกเขาก็ต้องถูกทำลายเมื่อมีสัตว์ประหลาดเหนือธรรมชาติที่น่าสยดสยองค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาใกล้พวกเขาจากดินแดนรกร้าง พร้อมกับค่อย ๆ กลืนกินสติกับความสัมพันธ์อันงดงามของครอบครัวไปอย่างช้า ๆ

 

หนังสยองขวัญ The Wasteland แผ่นดินร้าง เป็นหนังที่เล่นกับจิตวิทยาของผู้ชมได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการนำเสนอว่า “ความโดดเดี่ยว” สามารถที่จะทำร้ายจิตใจของมนุษย์ได้มากเพียงใด ผ่านมุมมองของเรื่องราวเหนือธรรมชาติที่ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาใกล้กัดกินสติไปทีละนิดอย่างช้า ๆ ทำให้เรื่องราวเต็มไปด้วยอารมณ์และความมืดมิดเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

 

การเลือกทำเลในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ถือว่าดีมาก มันอ้างว้าง ปราศจากสิ่งที่เรียกว่าชีวิตราวกับดินแดนรกร้างในขุมนรกที่โอบล้อมเหล่าตัวละครเอาไว้จนเหมือนกับกว้างใหญ่เพียงพอที่จะกักขังพวกเขาเอาไว้ตลอดกาล

 

 

หนังเรื่องนี้เป็นหนังสยองขวัญทุนต่ำก็จริง แต่กลับดูแพงกว่าที่เห็นพราะงานภาพในเรื่องนี้ทั้งมุมกล้อง งานภาพ โทนการเล่นแสงสี ทุกอย่างดูศิลป์สวยงามกว่าหนังทุนต่ำโดยปกติ โดยเฉพาะภาพมุมกว้างกับพื้นที่รกร้างว่างเปล่ากับพล็อตที่มีตัวละครหลักแค่ 3 คน ยิ่งส่งเสริมให้ดูเข้ากันดี ทำให้ตัวหนังดูดีมีระดับขึ้นมาก จนเหมือนหนังลงโรงมากกว่าทุนเน็ตฟลิกซ์โดยทั่วไป ซึ่งนี่เป็นจุดเด่นดึงดูดสุดของเรื่องนี้มากกว่าเรื่องปีศาจสยองขวัญในเรื่องซะอีก

 

 

ส่วนแนวสยองขวัญในเรื่องนี้ก็ไม่ใช่แนวผีปีศาจไล่ฆ่าคน แต่เป็นแนวหลอกหลอนที่เล่นกับจิตใจตัวละครกับคนดูไปพร้อมกัน ซึ่งตัวเรื่องจะเริ่มจากเรื่องเล่าของพ่อที่ตั้งใจขู่ลูกให้กลัวด้วยการบรรยายรูปร่างหน้าตาปีศาจที่คอยตามหาเป้าหมายคนอ่อนแอ ซึ่งในที่นี่ก็คือลูกของเขาที่เป็นเด็กจิตใจดี ไม่ยอมลงมือฆ่ากระต่ายที่เลี้ยงไว้เพื่อมาเป็นอาหารตามคำสั่งของพ่อ หรือการที่ไม่ยอมฝึกหัดยิงปืนที่พ่อมอบให้เป็นของขวัญ ในขณะที่แม่ก็พยายามปกป้องลูกจากความรุนแรงที่พ่อพยายามฝึกสอนให้ลูกเอาตัวรอดในที่แห่งนี้ แต่ในเรื่องเล่าของพ่อเองก็เหมือนมีบางอย่างแฝงอยู่ว่าพ่อเชื่อว่าปีศาจนั้นมีจริง ก่อนที่ต่อมาแม่ก็เริ่มเห็นบางสิ่งที่ตรงกับเรื่องที่สามีของเธอเล่าให้ลูกฟัง เจ้าสิ่งนี้ปรากฎตัวขึ้นมาไกลๆ ในละแวกนั้น ก่อนจะค่อยๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนถึงตัวบ้านในที่สุด ซึ่งฉากปีศาจในเรื่องนี้มาในรูปแบบคลุมเครือตั้งแต่เรื่องเล่าแล้วว่า พ่อนั้นเชื่อเรื่องที่ตัวเองเล่าจริงหรือไม่? แล้วเขาเคยเห็นปีศาจที่ว่านี้ด้วยตาตัวเองหรือไม่? จนมาถึงการปรากฏตัวในสายตาของแม่ที่เธอเริ่มเห็นมันใกล้เขามาเรื่อยๆ จนเธอเริ่มบ้าคลั่งอันตรายกับลูกขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ลูกกลับไม่เห็นอะไรแบบที่แม่เห็นเลย ซึ่งในมุมคนดูเองก็ต้องตัดสินใจตีความสิ่งที่เห็นด้วยว่า เรื่องจริงเป็นอย่างไรกันแน่ตั้งแต่ปีศาจเริ่มปรากฎตัวออกมาตั้งแต่ต้นจนจบ (แอบคล้ายๆ Pan’s Labyrinth อัศจรรย์แดนฝัน มหัศจรรย์เขาวงกต อยู่บ้างในมุมหนึ่ง)

 

 

ต้องบอกก่อนว่าใครที่คิดว่าจะมีฉากปีศาจโผล่มาเต็มๆ ในเรื่องนี้ไม่มีแบบนั้น เพราะการที่เรื่องพยายามทำให้เจ้าสิ่งนี้ดูคลุมเครือคือคอนเซ็ปต์การเล่นกับความกลัวในใจคนของเรื่องนี้ คล้ายๆ กับที่เรามักมองเห็นอะไรในเวลากลางคืนน่ากลัวไปหมด จิตที่ฟุ้งจินตนาการขึ้นมาเองแวบๆ คือการปรากฎตัวของปีศาจในเรื่องนี้ ซึ่งการที่เรื่องใช้วิธีแบบนี้ก็ทำให้ผู้ชมที่ตั้งใจรอดูตัวเต็มๆ หรือต้องการฉากสยองขวัญ ฉากแหวะตามสูตรหนังแนวนี้อาจจะเบื่อไปก่อนก็ได้ เพราะหนังแม้ยาวแค่ชั่วโมงครึ่ง แต่ก็เล่นกับแนวจิตฟุ้งยาวแทบทั้งเรื่องไปจนจบ แต่ถ้าอดทนรอไหวก็มีบางฉากที่ได้เห็นเต็มๆ ด้วยเช่นกัน (โดยที่ต้องตีความอีกว่าใช่ปีศาจจริงหรือไม่อีกด้วย?) และก็มีฉากแหวะอยู่นิดๆ บางฉากให้พอเรียกว่าเป็นหนังสยองขวัญได้เท่านั้น

 

รีวิว The Wasteland

ด้วยความที่ตัวเรื่องมีกันแค่ 3 คน แต่โดยตัวหลักจริงๆ เป็นแม่กับลูกแค่นั้น การแสดงในเรื่องจึงเหมือนต้องแบกหนังไว้ด้วยในตัว ซึ่งในบทแม่ผู้อบอุ่นอ่อนโยนค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นแข็งกระด้าง มีความคล้ายพ่อในตอนแรกมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างในเรื่องจะมีฉากพ่อบังคับให้ลูกฆ่ากระต่าย แต่ตอนหลังกลายเป็นแม่ลงมือตรงนี้แทน โดยให้ลูกเลือกกระต่ายที่เลี้ยงมาให้เธอฆ่า หรือการใช้ปืนที่ในตอนแรกเธอไม่สนับสนุน ไปจนถึงการทวนกลับฉากเลี้ยงลูกในตอนแรกแบบอ่อนโยนมาเป็นแบบจิตไม่ปกติในเรื่องเดิมๆ อย่างการอาบน้ำในอ่างเดียวกัน การพาลูกไปเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน นักแสดง Inma Cuesta ถ่ายทอดความน่ากลัวตรงนี้ขึ้นมาเรื่อยๆ ได้ดีมาก  ส่วนลูกชายที่เป็นตัวหลักจริงๆ ของเรื่องก็เล่นได้ดีมากเช่นกัน จากบทเด็กที่อ่อนโยนรักสัตว์ไม่ทำอะไรรุนแรง ก่อนที่จะค่อยๆ เปลี่ยนไปเช่นกันแต่เพื่อความอยู่รอด และก็พยายามช่วยแม่จากปีศาจ ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองก็มองไม่เห็น ตัวนักแสดงเด็ก Asier Flores ก็ทำให้คนดูเชื่อตามในบทบาทนี้ได้เช่นกัน

 

เรื่องนี้มาแปลกอย่างคือเป็นหนังทุนต่ำที่มีเสียงพากย์ไทยมาด้วยเลยตั้งแต่วันแรก ซึ่งงานพากย์ก็มีคุณภาพดีด้วย ผู้เขียนลองสลับฟังทั้งสเปนกับไทย พบกว่าดูพากย์ไทยเลยดีกว่าเสียงสเปนที่ไม่ค่อยคุ้นชินเท่าไหร่

 

 

 

จุดเด่นของเรื่อง

 

งานโปรดักชั่นที่ทำออกมาค่อนข้างเนี๊ยบการวางฉากพื้นที่รกร้างหรือการพยายามถ่ายมุมกว้างๆเอาไว้เพื่อให้คนดูเชื่อถึงครอบครัวที่ห่างไกลความเจริญจริงๆแถมบรรยากาศในเรื่องก็ทำออกมาค่อนข้างน่ากลัวในระดับหนึ่ง ชวนให้คนดูลุ้นไปกับตัวละครสองแม่ลูกว่าทั้งคู่จะรับมือกับปีศาจอย่างไร

 

 

ความน่าสนใจของตัวละคร

 

ลูเซีย แสดงโดย อินมา คูเอสต้า เธอคนนี้ถ่ายทอดคาแรคเตอร์ความเป็นแม่ออกมาได้ดีมากจากหญิงสาวอ่อนโยนในช่วงต้นเรื่องกลายมาเป็นสาวแกร่งรับมือกับปีศาจและสภาวะจิตใจตัวเองที่เริ่มไม่ปกติขึ้นเรื่อยๆ

 

ดีเอโก้ แสดงโดย อาเซีย ฟลอเรส ตัวละครลูกชายที่แทบจะกลายเป็นตัวหลักของเรื่องความน่าสนใจอยู่ที่คาแรคเตอร์ของเจ้าตัว จากเด็กน้อยที่กลัวความมืดกลัวปีศาจในจิตนาการกลับต้องลุกขึ้นมาปกป้องแม่เพราะไม่มีเสาหลักอย่างพ่อมาคอยดูแล อีกทั้งช่วงท้ายเรื่องเจ้าตัวก็ยังเป็นคีย์เมสเสจสำคัญที่หนังต้องการสื่อกับคนดู

 

 

ซัลบาดอร์ แสดงโดย โรเบร์โต อาลาโม ตัวละครพ่อที่ไม่ค่อยมีบทบาทมากนักเพราะเนื่องจากแอร์ไทม์ตัวละครที่มีไม่เกินครึ่งชั่วโมง แต่ก็ยังมีความสำคัญในบทบาทที่คอยสั่งสอนลูกชายให้โตเป็นผู้ใหญ่พร้อมรับมือกับภัยที่กำลังมาเยือน อีกทั้งยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับปีศาจที่เจ้าตัวมักจะย้ำกับลูกชายบ่อยๆสิ่งเหล่านี้ก็ล้วนมีนัยยะเฉลยเรื่องราวทั้งหมดอีกด้วย

ดูหนัง   

 

จุดเด่น

รีวิว The Wasteland

งานภาพสวยเกินหน้าหนังทุนต่ำ

การเล่นกับปีศาจในจิตใจคน

สะท้อนปัญหาครอบครัวในวัยเด็ก

ตัวละครน้อยเล่นกันทั้งเรื่องแค่หลักๆ 2 คน

มีเสียงพากย์ไทย

 

จุดด้อยของเรื่อง

 

วิธีการเล่าของหนังที่ค่อนข้างมีความสโลว์เบิร์น(ไปเรื่อยๆรอจุดพีค)​สูงพอสมควรและพวกจังหวะน่ากลัวต่างๆก็มีให้เห็นประปรายแต่ก็ไม่ได้น่ากลัวจนทำให้คนดูเท้าจิกพื้นอะไรขนาดนั้น หรือแม้แต่ตัวปีศาจเองที่โผล่ออกมาให้เห็นทั้งตัวก็ปาเข้าไปจะจบเรื่องแล้ว

 

คีย์เมสเสจสำคัญที่หนังต้องการบอกกับคนดูเหมือนเป็นดาบสองคม การพูดถึงปีศาจที่พยายามทำร้ายสองแม่ลูกว่าแท้จริงแล้วมันมีตัวตนจริงหรือเปล่าหรือเป็นแค่ภาพจำลองจากสภาวะจิตใจย่ำแย่เท่านั้น ถ้าใครที่ไม่ใช่สายตีความหนังก็อาจจะพลอยเบื่อหน่ายไปก่อนที่จะดูเรื่องนี้จบอย่างแน่นอน

 

 

สรุปโดยรวม

 

ถือเป็นหนังทุนต่ำของ Netflix ที่ทำออกมาดีเลย แต่อาจจะไม่ถึงกับดูสนุกนัก มีสไตล์งานภาพที่สวยเกินหน้าหนังทุนต่ำ ตัวเรื่องเล่นกับความกลัวในใจคนบนพื้นที่รกร้างว่างเปล่าได้ดี แต่การที่ต้องตีความเรื่องปีศาจว่ามีจริงหรือไม่จุดนี้อาจจะเป็นปัญหา เพราะทำให้ดูเป็นหนังแนวอินดี้ที่ดูยากอยู่เหมือนกัน ยิ่งถ้าเป็นคอหนังสยองขวัญโดยตรงคงไม่แนะนำเพราะไม่ตอบโจทย์ตรงนี้เลย และไม่ได้มีฉากแหวะหรือฉากน่ากลัวมากอย่างที่คิดด้วย รีวิวหนัง       

 

The Wasteland เป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องที่สามารถดูฆ่าเวลาได้ความยาวแค่ 1 ชมกับ 33 นาที ถือว่าไม่มากเกินไปสำหรับคนที่เวลาน้อยถึงแม้จะมีขัดใจบ้างในเรื่องการตีความของหนังที่อาจจะไม่ถูกจริตคนดูบางกลุ่มหรือแม้แต่พวกฉากระทึกต่างๆที่มันมีน้อยไปหน่อยไม่สมกับเป็นหนังที่เคลมตัวเองว่าเป็นแนวสยองขวัญขนหัวลุก แต่ถ้าใครที่ชอบแนวสโลว์เบิร์น​ไปเรื่อยๆคอยเสพบรรยากาศของหนัง เรื่อง The Wasteland อาจเป็นหนึ่งทางเลือกต้อนรับปีใหม่ที่ไม่เลวเลย

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *