รีวิว The Pale Blue Eye ปลดล็อกปริศนาล่าฆาตกร : หนังระทึกขวัญที่คาดเดาไม่ได้

รีวิว The Pale Blue Eye ปลดล็อกปริศนาล่าฆาตกร : หนังระทึกขวัญที่คาดเดาไม่ได้

รีวิว The Pale Blue Eye ปลดล็อกปริศนาล่าฆาตกร : หนังระทึกขวัญที่คาดเดาไม่ได้

หนังแนะนำ ย้อนยุคในวันนี้ เป็นหนังแนวสืบสวนสอบสวน พร้อมด้วยบรรยากาศชวนวังเวงน่าค้นหา The Pale Blue Eye 2023 ปลดล็อกปริศนาล่าฆาตกร เล่าเรื่องราวย้อนยุคช่วงปี คศ. 1800 เมื่อนักสืบที่เกษียณตัวเองไปแล้วได้รับคำขอร้องให้กลับมาสืบสวนคดีฆาตกรรมในโรงเรียนนายร้อยเวสต์พอยต์ของอเมริกา เขาต้องพบกับคดีฆาตกรรมเด็กหนุ่มเตรียมทหารที่ถูกควักหัวใจหายไป หากเพื่อน ๆ ท่านใดสนใจหนังแนวนี้ สามารถไปติดตามรับชมหนังเรื่องอื่น ๆ ได้ที่นี่ ดูหนังออนไลน์

รีวิว The Pale Blue Eye ปลดล็อกปริศนาล่าฆาตกร : หนังระทึกขวัญที่คาดเดาไม่ได้

รีวิว The Pale Blue Eye ปลดล็อกปริศนาล่าฆาตกร เสน่ห์ที่น่าสนใจในหนังของ สก็อตต์ คูเปอร์

The play Blue Eye รีวิว งานกำกับและดัดแปลงเขียนบทของ “สก็อตต์ คูเปอร์” ที่ว่าใครเป็นแฟนหนังของเขาก็น่าจะคุ้นเคยกับสไตล์หนังในแบบของเขาเป็นอย่างดี จุดเด่นของเขาคือการไม่รีบร้อนร้อยเรียงเรื่องราว แม้ว่าประเด็นในหนังเรื่องนี้จะเป็นหนังสืบสวนฆาตกรรมที่คมคาย แต่หนังก็เลือกที่จะเล่าไปแบบเรื่อย ๆ ค่อยเก็บเบาะแสไปทีละน้อย ควบคู่ไปกับการสำรวจพฤติกรรมทางกายและทางใจของมนุษย์อย่างลุ่มลึก

หนังสืบสวนที่ผู้กำกับ Scott Cooper หยิบมาทำจากนิยายเก่าปี 2546 ของ Louis Bayard ที่มีผลงานแนวสืบสวนย้อนยุคในประวัติศาสตร์หลายเรื่องจนเป็นซิกเนเจอร์ของเขา แต่ไม่ได้เป็นที่รู้จักในบ้านเรานักเพราะไม่เห็นมีแปลไทย และผู้กำกับก็ไม่ได้มีชื่อเสียงมาก แต่การที่ได้ดาราเบอร์ใหญ่มากฝีมือระดับคริสเตียน เบล มาเล่นก็ช่วยทำให้หนังเรื่องนี้ต้องมีอะไรดีแน่นอนเขาถึงตกลงมารับบทนำครั้งแรกในหนัง Original Netflix แบบนี้ครับ

รีวิว The Pale Blue Eye ปลดล็อกปริศนาล่าฆาตกร : หนังระทึกขวัญที่คาดเดาไม่ได้

ซึ่งเมื่อหลังดูจบก็เข้าใจเลยว่าทำไม เพราะนี่คือหนังที่อาจจะไม่ได้ถึงกับดำเนินเรื่องได้ดีมาก แต่บทของตัวเอกนักสืบแลนดอร์ในตอนท้ายนี่คือบทบาทที่น่าประทับใจมากเรื่องหนึ่งในผลงานของเขาได้เลย สิ่งที่น่าจะเป็นเสน่ห์ที่น่าสนใจอย่างหนึ่งของหนังเรื่องนี้ ในบรรดาหนังแนวรหัสคดีก็คือ การหยิบจับเอาบรรยากาศของนิวยอร์กในช่วงศตวรรษที่ 18 หรือเมื่อ 193 ปีที่แล้ว (ตรงกับปีที่ เอ็ดการ์ แอลลัน โพ เข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหารจริง ๆ พอดี)

แถมยังเป็นช่วงหน้าหนาวอีก ธีมบรรยากาศโดยรวมทั้งงานภาพ โปรดักชัน โลเกชันจึงเต็มไปด้วยกลิ่นอายแบบโบราณที่เวิ้งว้าง เงียบสงัด รู้สึกได้ถึงความมืด ๆ ชื้น ๆ ติดกลิ่นอายกอธิก (Gothic) ที่แทรกซึมลงมาในหนัง

รวมทั้งเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับศาสนา และตัวหนังที่เต็มไปด้วยไดอะล็อกภาษาภาษาเขียนโบราณ ๆ มีความเป็นบทกวีหน่อย ๆ ซึ่งถ้าใครไม่อินก็คงไม่ชอบ แต่โดยรวมก็ถือว่าเซตบรรยากาศออกมาได้ออกมาดาร์กและสยองขวัญในระดับหนึ่งเลยแหละ

เรื่องย่อ The Pale Blue Eye ปลดล็อกปริศนาล่าฆาตกร

the pale blue eye เรื่องย่อ เล่าเหตุการณ์เรื่องราวที่เกิดขึ้นในเวสต์พอยต์ ปี 1830 ช่วงเวลาเช้าตรู่ของฤดูหนาวอันสงบเงียบวันหนึ่ง มีนักเรียนนายร้อยคนหนึ่งถูกพบว่าเสียชีวิต แต่หลังจากศพของเขาส่งไปถึงสถานที่เก็บศพ โศกนาฏกรรมครั้งนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นความป่าเถื่อนโหดร้าย

เมื่อมีการค้นพบว่าหัวใจของนักเรียนนายร้อยคนนี้ได้ถูกควักออกไปโดยฝีมือของใครคนหนึ่งที่มีความชำนาญ ด้วยความหวั่นเกรงว่าความเสียหายต่อโรงเรียนทหารที่เพิ่งก่อตั้งครั้งนี้จะลุกลามไปจนไม่อาจแก้ไขได้ ผู้บริหารของโรงเรียนจึงหันไปพึ่งนักสืบในท้องถิ่นอย่างออกัสตัส แลนดอร์ เพื่อให้มาช่วยไขปริศนาการฆาตกรรม

ทว่าด้วยอุปสรรคจากการที่นักเรียนนายร้อยต่างปิดปากเงียบ เขาจึงต้องขอความช่วยเหลือในการคลี่คลายคดีจากนักเรียนนายร้อยบุคลิกแปลก ผู้รังเกียจความเข้มงวดของสถาบันทหาร หนำซ้ำยังมีความหลงใหลในบทกวี ชายหนุ่มที่ชื่อว่า เอ็ดการ์ แอลลัน โพ

รีวิว The Pale Blue Eye ปลดล็อกปริศนาล่าฆาตกร : หนังระทึกขวัญที่คาดเดาไม่ได้

กิมมิกที่น่าสนใจของ The Pale Blue Eye ปลดล็อกปริศนาล่าฆาตกร

การที่หยิบเอานักกวีในตำนานที่มีชีวิตอยู่จริง อย่าง เอ็ดการ์ แอลลัน โพ มาเป็นหนึ่งในตัวละครของเรื่องนี้ เป็นกิมมิกที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเขาคือชายที่เต็มไปด้วยบุคลิกที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร และเมื่อบทนี้มาอยู่ในมือของ “แฮร์รี เมลลิง” ที่เราคุ้นเคยกับเขาดีในบทลูกพี่ลูกน้อยของแฮร์รี่ พอตเตอร์

และนี่ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายในอาชีพนักแสดงของเขาทีเดียว แฮร์รี เมลลิง สามารถดีไซน์บทบาทและการสวมวิญญาณเป็น เอ็ดการ์ แอลลัน โพ ได้ค่อนข้างน่าประทับใจ ด้วยอินเนอร์ทางภาษากายของเขาที่ชัดเจนดีอยู่แล้ว นำมาผนวกเข้ากับอินเนอร์ทางการแสดงที่เขาออกแบบออกมาในหนังเรื่องนี้ ยิ่งส่งเสริมให้ตัวละครนี้มีมิติเพิ่มเสริมขึ้นได้อย่างดี แม้ว่าตัวละครนี้จะเป็นเพียงตัวละครสมทบในหนัง แต่กลับโดดเด่นไม่แพ้กับตัวละคนนำ

รีวิว The Pale Blue Eye ปลดล็อกปริศนาล่าฆาตกร : หนังระทึกขวัญที่คาดเดาไม่ได้

ในขณะที่ “คริสเตียน เบล” ก็ยังคงมอบการแสดงที่ยอดเยี่ยมตามมาตรฐานการแสดงของเขา ถึงแม้ว่าเราจะรู้สึกว่าบทบาทที่เขาได้รับนักจะค่อนข้างซ้ำเดิมกับผลงานก่อน ๆ ของเขาอยู่บ้าง แต่การสวมวิญญาณเป็นตำรวจนักสืบที่เต็มไปด้วยบาดแผลข้างในใจเต็มไปหมด การปล่อยแอคติ้งธรรมดา ๆ ออกมาให้ดูทรงพลังได้อย่างไม่ยากเย็นสักเท่าไหร่นัก

เมื่อบทนี้มาอยู่ในมือของเขา The Pale Blue Eye สรุป ยังมีนักแสดงชั้นนำอีกเพียบที่มาสมทบและร่วมถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้ดี ไม่ว่าจะเป็น “ไซม่อน แม็คเบอร์นีย์”, “ทิโมธี สปอลล์” หรือ “โทบี้ โจนส์” พวกเขาถ่ายทอดการแสดงออกมาในหนังเรื่องนี้ได้อย่างคมคายทุกตัวละคร แม้ว่าจะเป็นคาแรกเตอร์ที่มาส่งเสริมเท่านั้น แต่ก็ยังช่วยยกระดับหนังเรื่องนี้ออกมาให้ดูทรงพลัง กับเนื้อหาของหนังที่ค่อย ๆ ปลดล็อกทีละเรื่อย ๆ แบบไม่รีบร้อน

องค์ประกอบต่าง ๆ ใน The Pale Blue Eye ปลดล็อกปริศนาล่าฆาตกร

องค์ประกอบต่าง ๆ ในหนัง The Pale Blue Eye ถือทำออกมาได้ใช้ได้ทีเดียว ไม่ว่าเป็นสร้างบรรยากาศลึกลับเป็นปริศนาเข้าถึงอารมณ์ได้ด้วยดี ฉากในศตวรรษที่ 19 ของหนังเก็บรายละเอียดได้น่าประทับใจ และยังมีเพลงบรรเลงประกอบหนังเรื่องนี้ของ ฮาวเวิร์ด ชอร์ ที่ค่อนข้างทรงพลังและเข้ากับจังหวะเอาลึกลับวังเวงของหนังได้อย่างถึงใจถึงอารมณ์เช่นเดียวกันพอมารวมเข้ากับจังหวะการเดินเรื่อง

โดยเฉพาะในครึ่งแรกที่ค่อย ๆ บิลต์บรรยากาศความดาร์กขึ้นมาทีละนิด ผสมกับกลิ่นอายความสยองขวัญด้วยการเผยให้เห็นภาพศพและบาดแผลแบบเรต R จนไม่เหมาะที่จะนั่งดูกับเด็ก รวมทั้งการปูเรื่องให้คนดูรู้สึกตะหงิด ๆ กับกลไกอำนาจนิยมภายในโรงเรียนเตรียมทหารแห่งนี้ และความโหดร้ายผิดมนุษย์ของฆาตกร

ยิ่งสร้างบรรยากาศความสยองขวัญ ความไม่น่าไว้วางใจยิ่งกว่าเดิม ยิ่งบทปูเรื่องให้บางตัวละครเข้าไปใกล้รูปคดีมากขึ้น ก็ยิ่งชวนให้ไม่ไว้ใจหนักเข้าไปอีก ทำให้ในครึ่งแรกของหนังสามารถสร้างบรรยากาศการสืบสวนออกมาได้เยือกเย็น และคลี่คลายไปสู่บรรยากาศหนังทริลเลอร์ที่มีความ Suspense ลอยอวลเต็มไปหมด

รีวิว The Pale Blue Eye ปลดล็อกปริศนาล่าฆาตกร ปัญหาของกฎระเบียบ ความเชื่อศาสนา

และการแสดงของเขาก็มาระเบิดเอากับ 30 นาทีสุดท้าย ที่ถือว่าเป็นการหักศอกที่เล่นเอาเหวอไปเหมือนกันนะครับ คือมันเป็นการหักศอกเรื่องราวทั้งหมดที่ปูมาได้แบบพลิกความคาดหมายสุด ๆ ซึ่งถ้านี่เป็นการหักศอกเพื่อปิดเรื่องราวในฐานะหนังดราม่าทริลเลอร์ อันนี้ถือว่าเป็นการหักมุมที่รุนแรงและ Epic มาก ๆ

โดยเฉพาะการเฉลยเรื่องให้เห็นถึงมูลเหตุที่แท้จริงของฆาตกร โดยเฉพาะความเกลียดชังแค้นเคืองในระบบอำนาจนิยมทหารของตัวฆาตกร จนกลายเป็นมูลเหตุจูงใจในการฆ่า ซึ่งพอประกอบกับปูมหลังสุดบัดซบ มันก็ถือว่าเป็นแรงจูงใจที่มีน้ำหนัก และชวนให้สลดหดหู่ใจจนน้ำตาซึมได้ไม่ยากเลย สิ่งที่หนังต้องการสื่อคือ ปัญหาของกฎระเบียบ ความเชื่อศาสนา ที่พยายามตีกรอบการปฏิบัติตัวของผู้คน

จนทำให้กลายเป็นปัญหาสะสมที่กดทับไว้ สุดท้ายก็กลายระเบิดออกมาแล้วก็กลายมาเป็นโศกนาฎกรรมในเรื่อง ตัวเอกนักสืบแลนดอร์คือตัวละครที่ไม่นับถือศาสนา ไม่สนใจพระเจ้า มองการตีกรอบในโรงเรียนนายร้อยเป็นต้นตอของปัญหาทุกอย่าง ซึ่งตัวหนังทำให้เราได้เห็นสิ่งนี้ได้ชัดจนน่าสลดใจมาก

บทสรุปหลังดู The Pale Blue Eye ปลดล็อกปริศนาล่าฆาตกร

บทของเรื่องนี้ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน คือไม่ถึงกับดีจนต้องชื่นชม แต่ก็ไม่ถึงกับแย่จนทนดูไม่ได้ แต่สิ่งที่มาช่วยส่งเสริมหนังเรื่องนี้ก็คงหนีไม่พ้นการแสดงอันยอดเยี่ยมของ Christian Bale ที่สามารถแบกหนังทั้งเรื่องนี้ได้อย่างสบายๆ รวมถึงเคมีระหว่างตัวละครพระเอกของ Bale กับ Edgar Allan Poe ที่ดูเหมือนคู่หูมาช่วยกันสืบคดี

ซึ่งมันช่วยตัดอารมณ์และดึงดูดคนดูไว้ได้อยู่พอสมควร ส่วนสุดท้ายคือด้านงานภาพและการโปรดักชั่น ส่วนนี้นั้นถือว่าทำได้ดีมากๆ การถ่ายทำมุมกล้องต่างๆ ทำออกมาได้ดีจริงๆ โทนสีในภาพที่ใช้เป็นโทนเย็นกับแสงมืดๆ ก็ช่วยสร้างบรรยากาศในเรื่องได้เป็นอย่างดี

งานโปรดักชั่นยอดเยี่ยมทำได้สมจริง ทั้งฉาก the pale blue eye ตอนจบ และเสื้อผ้าหน้าผมทำออกมาได้ดูเหมือนอยู่ในปี ค.ศ.1830 จริงๆ สรุปโดยรวมเลยคือเป็นหนังสืบสวนที่ดูแก้เบื่อสนุกๆ ได้ แต่อาจยังไม่ดีพอถึงขนาดทำให้อยากดูซ้ำ

ชื่อเรื่อง: The Pale Blue Eye (ปลดล็อกปริศนาล่าฆาตกร​​​​​​​)
ประเภท: สืบสวน, ระทึกขวัญ, ดราม่า
ความยาว: 130 นาที
ระบบเสียง: เสียงไทยและบรรยายไทย

ติดตามหนังเกาหลีแนวดราม่าโรแมนติก สุดซาบซึ้งในหัวใจได้ที่นี่ รีวิว 20th Century Girl

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *