รีวิว The Last Kingdom Netflix

รีวิว The Last Kingdom Netflix

 

 

The Last Kingdom Netflix รีวิว ซีรีส์อิงประวัติศาสตร์ เรื่องราวของสงครามมหากาพย์ ชนชาติอังกฤษปะทะกับเหล่านักไวกิ้ง

 

เนื้อหาดัดแปลงมาจากชุดนิยายขายดีของ Bernard Cornwell จากชุด The Saxon Stories ที่เล่าเรื่องราวของชาวแองโกลแซกซัน ในการทำสงครามต่อสู้กับพวกไวกิ้ง เพื่อปกป้อง เวสเซก อาณาจักรแห่งสุดท้าย ซึ่งจะนำไปสู่การก่อตั้งประเทศอังกฤษเพียงหนึ่งเดียว

 

 

The Last Kingdom Netflix เรื่องย่อ

เรื่องราวหลักในซีรีส์ จะเกี่ยวกับสงครามมหากาพย์ระหว่าง ชาวแองโกล-แซกซอน (ชาวอังกฤษในปัจจุบัน) กับ พวกไวกิ้ง (ชาวเดนส์ นอร์เวย์) ราวคริสต์ศตวรรษที่ 9 ซึ่งเป็นยุคสมัยที่เกาะอังกฤษยังแตกแยกเป็นแว่นแคว้นและอาณาจักรน้อยใหญ่อยู่ เนื้อหาจะเริ่มจับความในช่วงที่เกาะอังกฤษถูกไวกิ้งเข้ารุกรานและอาณาจักรต่าง ๆ ถูกยึดครองจนหมด กระทั่งเหลือเพียงแค่ เวสเซก (Wessex) อาณาจักรแห่งเดียวที่ยังเป็นของชาวแซกซัน และชาวคริสต์ ที่ยืนหยัดต่อสู้อยู่ในฐานะของ “อาณาจักรแห่งสุดท้าย” ซึ่งอยู่ภายใต้การนำของ “พระเจ้าอัลเฟรดมหาราช” (Alfred the Great) ผู้ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นกษัตริย์ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น ผู้รวบรวมประเทศอังกฤษให้เป็นประเทศเดียวเป็นครั้งแรก และยังได้ชื่อว่าเป็นมหาราชพระองค์แรกและพระองค์เดียวในประวัติศาสตร์อันยาวนานของอังกฤษด้วย

 เว็บหนัง  

สำหรับเรื่องราวหลักจะถูกบอกเล่าผ่านตัวเอก “อูเทร็ด” (Uhtred) ผู้สืบทอดโดยชอบธรรมของ แคว้นแบบเบนเบิร์ก (Babbanburg) อยู่ทางตอนเหนือของเกาะอังกฤษ แต่ด้วยโชคชะตาที่พลิกผัน ทำให้เขาถูกพวกไวกิ้งจับเป็นตัวประกัน เขาต้องใช้ชีวิตเติบโตอยู่กับชาวไวกิ้ง ได้เรียนรู้วิถีชีวิต ความเชื่อ ศาสนานอร์ส ไปจนถึงวิชาดาบ การต่อสู้ และการใช้กลยุทธ์อันดุเดือดของชาวไวกิ้งที่สามารถพิชิตดินแดนไปทั่วยุโรปในยุคนั้นได้ อูเทร็ดยังซึมซับวิถีของไวกิ้งเข้าตัว ละทิ้งศาสนาคริสต์ มีความเชื่อในวิถีนักรบ และการต่อสู้เพื่อนำวิญญาณตนเองไปสู่วัลฮัลลา นั่นก็ทำให้เขากลายเป็นคนเถื่อนไร้ศาสนาในสายตาของชาวแซกซัน

 

แต่แล้วด้วยชะตาที่พลิกผันอีกหลายครั้ง ก็ทำให้อูเทร็ดจำต้องเผชิญหน้ากับทางเลือกว่า เขาจะช่วยพวกไวกิ้งที่เขาได้ใช้ชีวิตเติบโตมาและมีวิถีความเชื่อเดียวกัน หรือจะเลือกยืนหยัดสู้เพื่อชาวแซกซันตามสายเลือดของตนเอง แล้วเข้ากอบกู้อาณาจักรแห่งสุดท้าย เพื่อนำไปสู่การก่อตั้งประเทศอังกฤษหรือไม่

 

 

รีวิว The Last Kingdom Netflix  เรื่องย่อ 

เมื่อ Anglo-Saxons ถูกโจมตีโดยกองกำลังไวกิ้ง โดยพระเอกของเรา Uhtred เขาเป็นชาว Saxons แต่ได้รับการเลี้ยงดูจากชาวไวกิ้ง ในยามที่เติบใหญ่เขาพบว่า เขาต้องเข้ารับการทดสอบความภักดี

 

ทางด้านเดียวกัน ก็กำลังเกิดการสร้างประเทศใหม่ไปพร้อม ๆ กัน โดยซีรีส์เรื่องนี้ถ่ายทำในประเทศฮังการีเป็นหลัก ฉากส่วนใหญ่ถ่ายในพื้นที่ 8 เอเคอร์ใกล้บูดาเปสต์ ผู้เป็นเจ้าของ คือ Korda Studios และยังมีการออกไปถ่ายหมู่บ้านในยุคกลาง รวมทั้งออกไปถ่ายบรรยากาศภูเขา, ป่าไม้ และทะเลสาบ ที่มีความสวยงามมาก ๆ ราวกับฉากในเทพนิยายเลยทีเดียว

 

โดยเรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 เมื่ออังกฤษแบ่งออกเป็น 7 อาณาจักร โดยดินแดนใหญ่ คือ Anglo-Saxons ถูกโจมตี และถูกปล้น ต่อมาจึงถูกปกครองโดย Viking Danes ในหลายพื้นที่ สงครามและการห้ำหั่นกันกำลังจะเกิดขึ้น! การเข้าร่วมการทดสอบความภักดีของ Uhtred ก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อเขาต้องเข้าร่วมภารกิจของ Alfred เพื่อรวมอาณาจักรเข้ากับอังกฤษ พร้อมสร้างความรุ่งเรืองที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร

เว็บดูหนัง   

THE LAST KINGDOM ไม่ได้อยู่ในลีกเดียวกับ Game of Thrones ถึงแม้จะมีการดัดแปลงมาจากวรรณกรรมเช่นเดียวกันก็ตาม และซี่รี่ย์เรื่องนี้ไม่มีขอบเขตอันยิ่งใหญ่เท่ากับ Vikings แต่ในเรื่องของการถ่ายภาพนั้นน่าทึ่งมาก ฉากต่อสู้อันรุ่งโรจน์ และเรื่องราวที่แปลกประหลาด ทำให้ซี่รี่ย์เรื่องนี้มีความคุ้มค่ามาก ๆ สำหรับแฟน ๆ ที่ชอบเรื่องราวในยุคโบราณ การเปิดการผจญภัย มีความน่ากลัว สยองขวัญ และเต็มไปด้วยเลือด เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการรุกรานของไวกิ้ง ที่กระทำต่ออาณาจักร Anglo-Saxons ในศตวรรษที่ 9

 

THE LAST KINGDOM มีความยอดเยี่ยมในหลาย ๆ แง่มุม ทำให้สัมผัสได้ในเรื่องของใส่ใจในการเขียนบท ทำออกมาได้ดี ถึงแม้จะมีการสร้างละคร ด้วยงบประมาณต่ำ ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจน แต่ฉากโดยรวมน่าดึงดูดมาก เพียงแค่เริ่มซีซั่นแรกก็มีความน่าสนใจแล้ว

 

The Last Kingdom Netflix ตัวละครสำคัญ

 

แนะนำตัวละครสำคัญในซีซัน 1-3

 

อูเทร็ด

 

บุตรแห่ง อูเทร็ด ผู้สืบสายเลือดโดยชอบธรรมแห่งแบบเบนเบิร์ก เขาถูกพวกไวกิงหรือชาวเดนส์ ที่นำโดย แรกนาร์ นักรบระดับตำนานของไวกิงจับตัวไปตั้งแต่เด็ก อูเทร็ดกลายเป็นทาสในครอบครัวแรกนาร์ เนื่องจากเขาได้ช่วยชีวิตทูรา ลูกสาวของแร็กนาร์เอาไว้ เขาจึงถูกเลี้ยงดูมามากกว่าการเป็นทาส เขาเติบโตและซึมซับวิถีชีวิตในสังคมของไวกิงจนมีความเป็นชาวเดนส์มากกว่าชาวแซกซัน ต่อมาเมื่อเติบใหญ่ ด้วยชะตาชีวิตพลิกผันอีกรอบ เขาจึงต้องตัดสินใจที่จะเลือกว่า จะต่อสู้ในฐานะชาวเดนส์ที่เขาใช้ชีวิตเติบโตและผูกพันมา หรือจะเลือกกลับมายืนหยัดต่อสู้เพื่อปกป้อง เวสเซก อาณาจักรสุดท้ายของชาวแซกซันบนเกาะอังกฤษ ซึ่งเวลานั้นมีอัลเฟรดขึ้นมาเป็นกษัตริย์ปกครองอยู่

 

อูเทร็ดเป็นคนที่มีบุคลิกนิสัยเลือดร้อน โผงผาง ไม่เกรงกลัวใคร เขามีความเข้าใจในกลยุทธ์การทำศึกของพวกไวกิงอย่างดีมาก ภายหลังก็นำกลยุทธ์การทำศึกแบบไวกิง โดยเฉพาะกำแพงโล่ห์ มาฝึกฝนให้กับทหารชาวแซกซัน ส่วนในด้านฝีมือดาบนั้น เขาจัดว่าเป็นนักดาบฝีมือเยี่ยมอันดับต้น ๆ ในเรื่องเลยทีเดียว อูเทร็ดยังมีชีวิตรักพัวพันกับผู้หญิงในเรื่องหลายคน

 ดูหนัง

อูเทร็ดเคยทำพิธีศีลจุ่มเข้ารีตในคริสต์ศาสนาเมื่อวัยเด็ก แต่ก็ไม่ได้เลื่อมใสอะไร เขากลับเลือกใช้ชีวิตตามวิถีทางของไวกิงหรือชาวเดนส์มากกว่า เรื่องนี้คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อูเทร็ดมีปัญหาขัดแย้งกับอัลเฟรดและหลายคนในอาณาจักรเวสเซก จนทำให้เขาเกือบจะต้องตายก็หลายครั้ง อูเทร็ดยังเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับคำสัญญา และสัตย์สาบานมาก เมื่อเขาให้คำปฏิญาณต่อใครแล้ว ก็จะยืนหยัดทำตามนั้น แม้ว่าจะต้องทำให้เกิดปัญหากับตนเองก็ตาม

 

อูเทร็ด มีความสัมพันธ์แบบทั้งเคารพและทั้งเกลียดชังกับอัลเฟรดตลอดทั้งเรื่อง ไม่ใช่แค่เรื่องที่อูเทร็ดเป็นคนนอกศาสนา แต่ส่วนหนึ่งมาจากความไม่ไว้วางใจที่คนรอบข้างของอัลเฟรดมีกับตัวเขา

 

 

พระเจ้าอัลเฟรดมหาราช

 

อัลเฟรด กษัตริย์แห่งเวสเซก (Alfred the Great) ได้รับการยกย่องในหน้าประวัติศาสตร์ให้เป็น มหาราชองค์แรกและองค์เดียวของอังกฤษ อัลเฟรดต้องขึ้นครองราชย์บัลลังก์ของอาณาจักรเวสเซก สืบทอดต่อจากพี่ชายคือ กษัตริย์เอลเทเร็ดที่ 1 ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการทำสงครามกับไวกิง

 

อัลเฟรดมีสุขภาพอ่อนแอมาตลอด แต่มีสติปัญญาล้ำลึก มีเป้าหมายยิ่งใหญ่ที่จะขับไล่พวกไวกิงออกจากเกาะอังกฤษและรวมอาณาจักรเพื่อก่อตั้งประเทศอังกฤษขึ้นมา มักใช้เวลาว่างสวดมนต์ภาวนา คัดลอกและศึกษาบันทึกของชาวโรมัน เมื่ออูเทร็ดได้พบกับอัลเฟรด ทั้งสองไม่ค่อยถูกชะตากันเท่าไหร่ เนื่องจากอัลเฟรดเป็นกษัตริย์ที่เคร่งศาสนา ในขณะที่อูเทร็ดนั้นแม้จะเคยทำพิธีเข้ารีตในคริสต์ศาสนาแล้ว แต่เขาก็ไม่ยอมรับและเลือกวิถีชีวิตของชาวเดนส์มากกว่า

 

เนื่องจากสถานการณ์บังคับ อูเทร็ดต้องการทวงสิทธิ์ในฐานะผู้ปกครองแบบเบนเบิร์ก ส่วนอัลเฟรดก็ต้องการแม่ทัพที่มีความสามารถที่จะชิงเวสเซกกลับมาจากพวกเดนส์ ทั้งสองจึงต้องเป็นพันธมิตรต่อกันแม้ว่าจะมีความขัดแย้งกันตลอดแทบจะทั้งซีรีส์ก็ตาม

 

ในซีรีส์เรื่องนี้ตีความ อัลเฟรด ในหลายมิติ ไม่ใช่แค่ในฐานะมหาราชผู้ปกป้องอาณาจักรสุดท้ายและเป็นกษัตริย์องค์แรกที่เริ่มภารกิจรวมประเทศอังกฤษ แต่ยังเล่าในมุมที่อัลเฟรดพร้อมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ภารกิจยิ่งใหญ่ที่ถือว่าเป็นของพระเจ้านี้ให้สำเร็จ แม้ว่าจะต้องแลกชีวิตของผู้คนจำนวนมาก และมีการดัดแปลงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องราวของอัลเฟรดบางอย่างที่แตกต่างไปจากบันทึกในประวัติศาสตร์ ซึ่งเข้าใจว่าต้องการให้ซีรีส์ดำเนินเรื่องได้แบบกระชับมากขึ้น

 

เบอ็อคคา

 

บาทหลวง และที่ปรึกษาของอัลเฟรด เดิมเขาเคยเป็นบาทหลวงอยู่ที่แบบเบนเบิร์ก จึงมีความสนิทสนมกับอูเทร็ดในสมัยเด็กก่อนที่เขาจะถูกไวกิงจับตัวไปอย่างมาก เบอ็อคคาเป็นบาทหลวงที่มีนิสัยไม่ค่อยจะเหมือนบาทหลวงทั่วไปเท่าไหร่ ทำให้เขาเข้ากับอูเทร็ดได้ดี แม้จะเป็นบาทหลวงแต่ก็พร้อมจะถือดาบเข้าร่วมรบในสมรภูมิได้ทุกเมื่อถ้าจำเป็น เบอ็อคคาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ไม่เคยทอดทิ้งอูเทร็ด และอูเทร็ดก็ให้ความเกรงใจเสมอ

 

 

บริดา

 

หญิงสาวชาวแซกซันที่ถูกพวกเดนส์จับตัวไปตั้งแต่เด็ก เกิดและเติบโตอยู่ในบ้านของแรกนาร์ ร่วมกับ อูเทร็ด ซึ่งถูกจับตัวไปเหมือนกัน ทั้งสองจึงโตมาด้วยกันและรักชอบกันอยู่หลายปี บริดาซึมซับวิถีชีวิตของชาวเดนส์มายิ่งกว่าอูเทร็ด เธอเลือกที่จะต่อสู้ร่วมกับชาวเดนส์ มากกว่าจะไปเข้ากับอัลเฟรด ทำให้เธอต้องแยกทางกับอูเทร็ด แล้วเข้าร่วมกับแรกนาร์คนลูก

 

บริดาเป็นคนรักคนแรกของอูเทร็ด แต่เพราะการตัดสินใจของอูเทร็ดที่เลือกต่อสู้ให้อัลเฟรด ทำให้บริดาไปเป็นคนรักของแร็กนาร์แทน แม้ว่าภายหลังทั้งสองคนจะไม่ได้รักใคร่กันแบบชายหญิงแล้ว แต่พวกเขาก็ยังมีมิตรภาพที่ดีให้กันเสมอ

 

แร็กนาร์

ลูกชายคนโตของแร็กนาร์ ราชาของชาวเดนส์ซึ่งนำทัพไวกิงเข้ามาบุกเกาะอังกฤษ แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์พลิกผัน เขาก็นำพรรคพวกหาทางแก้แค้นให้บิดาและหาทางช่วยเหลือน้องสาวกลับมา แร็กนาร์และอูเทร็ดมีความผูกพันกันเสมือนพี่น้องแท้ ๆ แม้ว่าจะอยู่กันคนละฝ่าย แต่ทั้งสองต่างก็ช่วยเหลือกันอยู่หลายครั้ง44

 

รีวิวหนัง    

 

 

สรุป

 

ยอดเยี่ยมกว่าที่คิด สนุกขึ้นทุกซีซัน สมเป็นซีรีส์ประวัติศาสตร์การก่อตั้งประเทศอังกฤษ มีบางอย่างสามารถทาบชั้น GOT ได้เลย คนชอบซีรีส์แนวย้อนยุคต้องดู

 

จุดเด่น

 

เนื้อเรื่องกระชับ เดินเรื่องเร็ว ไม่ค่อยมีบทเนือย ๆ หรือยืดเยื้อ ความสนุกเพิ่มขึ้นทุกตอน

เล่าเรื่องประวัติศาสตร์อังกฤษยุคที่ไวกิ้งเข้ามายึดจนเหลือเพียงอาณาจักรเดียวได้น่าติดตาม

ฉากสงครามทำได้ดี กลยุทธ์ต่าง ๆ ที่ใช้ดูแล้วเชื่อว่าใช้งานได้จริง

ตัวละครหลักมีมิติเพิ่มมากขึ้นตามเวลาในเรื่อง

 

จุดด้อย

 

คอสตูมตัวละครในช่วงแรกดูแล้วไม่ค่อยน่าเชื่อถือ

ตัวเอกมีนิสัยดื้อรั้นจนทำให้ตัวเองลำบากบ่อย ๆ จนน่ารำคาญ ช่วงหลังถึงดีขึ้น

แบ่งแยกตัวละครฝ่ายดีและฝ่ายร้ายชัดเจนเกินไปจนดูออกง่าย

ตรรกะตัวละครดูน่าขัดใจและน่ารำคาญในบางครั้ง แต่เข้าใจว่าซีรีส์พยายามอิงกับบริบทของสังคมและศาสนาให้มากที่สุด