รีวิว Sanctuary สังเวียนศักดิ์สิทธิ์ : จิตวิญญาณแห่งซูโม่

รีวิว Sanctuary สังเวียนศักดิ์สิทธิ์ : จิตวิญญาณแห่งซูโม่

รีวิว Sanctuary สังเวียนศักดิ์สิทธิ์ : จิตวิญญาณแห่งซูโม่

พบกับเรา nungmaionline อีกครั้ง วันนี้เรามี หนังแนะนำ มาอีกแล้วเช่นเคย sanctuary netflix เป็นซีรี่ย์ที่กำลังมาแรงอีกเรื่องจากญี่ปุ่น เรื่องราวความท้าทายความโบราณแสนศักดิ์สิทธิ์ ให้กลายเป็นความเท่ ด้วยซอฟต์พาวเวอร์ เรื่อง Sanctuary 2023 สังเวียนศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม ที่แพร่มายังบ้านเราของญี่ปุ่น คือการ์ตูนหรือที่คนรุ่นคนรักหนังตัวเล็กที่บ้านเรียกว่ามังงะ เนื้อหาปลุกความเป็นชายในตัวคุณ อยู่ในใจ เช่นจอมเกบลูส์,แสลมดังค์หรือก้าวแรกสู่สังเวียนเป็นต้น ด้วยเนื้อหาที่เร้าใจกับการแข่งขันกีฬา และตัวละครเอกที่มีเอกลักษณ์ที่พร้อมจะพาคนอ่านเพริดแร้วไปกับความเป็นลูกผู้ชายผู้ไม่ยอมแพ้ แล้วสิ่งที่ตามมาคือหนังหรือซีรีส์ญี่ปุ่นมากมายที่อาบกลิ่นอายเหล่าไว้นี้เช่นดียวกับซีรีส์ที่ผู้เขียนเปิดดูด้วยสัญชาตญานของผู้ชายที่เคยอ่านการณ์ตูนญี่ปุ่นมาในวัยเยาว์เรื่องนี้ที่คิดว่าต้องมีดีอะไรบางอย่างแล้วก็มีดีจริง ๆ ตามแบบฉบับของญี่ปุ่น หากคุณเป็นคนชอบค้นหาอะไรใหม่ ๆ สามารถไปติดตามรับชม ดูหนังใหม่ เรื่องอื่น ๆ ได้ที่ doonungonline เลยครับ

รีวิว Sanctuary สังเวียนศักดิ์สิทธิ์ : จิตวิญญาณแห่งซูโม่

รีวิว Sanctuary สังเวียนศักดิ์สิทธิ์ - ซูโม่ คืออะไร ?

ญี่ปุ่นยังแข็งแกร่งในการเป็นเจ้าแห่งซอฟต์พาวเวอร์อย่างเห็นได้ชัด ต้องยอมรับว่า กีฬาซูโม่ไม่ได้รับความนิยมอย่างเป็นสากลนัก คนทั่วโลกอาจรู้จักแต่ก็คงไม่อิน หรือรู้สึกดูแล้วลุ้นเท่าคนญี่ปุ่น sanctuary คือ เราอาจมองซูโม่เป็นกิจกรรมทางวัฒนธรรมมากเสียกว่า ด้วยพิธีรีตองยิบย่อย และรูปแบบที่มีความเฉพาะตัวซึ่งมันขัดกับค่านิยมยุคใหม่ ทั้งเรื่องการเพิ่มน้ำหนักตัวให้อ้วนเกินมาตรฐาน การนุ่งผ้าเตี่ยวโชว์เนื้อหนังมังสาแบบเน้นแก้มก้น

และการรัดเกล้าผมแบบโบราณ ซึ่งอาจถูกวิพากย์ไปถึงขนบตกยุคที่ไม่สอดรับกับคติทางเพศในปัจจุบันจนดูเหมือนเป็นกีฬาที่เหยียดเพศ และถือเพศชายเป็นใหญ่ด้วย ผู้กำกับ เองูจิ กัง (江口カン) ซึ่งเคยผ่านผลงานแอ็กชันตลกร้ายในวงการนักฆ่าอย่าง ‘The Fable’ (2019) และ ‘The Fable: The Killer Who Doesn’t Kill’ (2021)

จึงได้เอาสไตล์ที่จริงจังโหดเข้มเจืออมยิ้มมาจับมือกับมือเขียนบทอย่าง คานาซาวะ โทโมกิ (金沢知樹) ซึ่งก็ถนัดในแนวดราม่าค้นหาความหมายของชีวิต โดยใช้ลีลาการเล่าเรื่องแบบมังงะสายกีฬาสำหรับเด็กผู้ชายหรือโชเน็น ที่มีทั้งการล้มลุกคลุกคลาน ความพยายามฝึกซ้อม ความกวนแหกคอก มิตรภาพและบอสใหญ่ที่เป็นเป้าหมาย ซึ่งรวมกันทั้งหมดที่ว่ามาแล้วดันลงตัวอย่างดี

รีวิว Sanctuary สังเวียนศักดิ์สิทธิ์ : จิตวิญญาณแห่งซูโม่

เรื่องย่อ Sanctuary สังเวียนศักดิ์สิทธิ์

ซีรีส์ญี่ปุ่นแนวกีฬาซูโม่ที่ไม่มีใครทำออกมาก่อน ซึ่งถ้าเอาเรื่องเนื้อหาแปลกแตกต่างก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย แต่ทั้งนี้ตัวเรื่องกลับไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าแปลกแตกต่างไปจากแนวกีฬาอื่นๆ เลย เนื้อเรื่องเล่าถึงเด็กหนุ่มอันธพาลที่ครอบครัวมีปัญหากหนี้สิน พ่อแม่ก็ไม่เอาไหนพึ่งพาไม่ได้ เขาเลยหันมาเงินกับซูโม่ ด้วยความคิดแรกเริ่มที่ว่าอาชีพนี้สามารถทำเงินได้เยอะ แต่กลายเป็นว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด

เพราะถึงเขาเป็นนักเลงฝีมือดี แต่ก็ไม่อาจจะเอาชนะในกฎกติกาของซูโม่ได้ ทำให้เขาเริ่มเข้าใจ และปรับเปลี่ยนตัวเองไปเป็นนักกีฬาซูโม่เต็มตัวในที่สุด โอเซ คิโยชิ วัยรุ่นบ้านแตกที่ต้องการเงินมาช่วยพ่อหันหน้าเข้าหาวงการซูโม่เพื่อเงินเพียงอย่างเดียว แต่เขาก็แรงฮึดในการฝึกซูโม่โดดซ้อมเป็นประจำ

ทั้งยังฝ่าฝืนประเพณีอันยาวนานทำการท้าทายอำนาจรุ่นพี่มากประสบการณ์อยู่เนือง ๆ เพียงเพราะเชื่อว่าเขาแข็งแกร่งกว่าใคร แต่อุปสรรคในชีวิตก็สอนให้เขาค่อย ๆ ซึมลึกเข้าสู่โลกของเกียรติยศในฐานะของนักซูโม่มากขึ้นเรื่อย ๆ sanctuary สังเวียน ศักดิ์สิทธิ์ รีวิว

รีวิว Sanctuary สังเวียนศักดิ์สิทธิ์ : จิตวิญญาณแห่งซูโม่

การเติบโตของตัวละคร โอเซ วัยรุ่นหัวร้อนที่ต่อยตีเก่ง

เรื่องราวของ โอเซ วัยรุ่นหัวร้อนที่เก่งต่อยตีต้องประสบปัญหาทางบ้าน แม่ที่ทิ้งพ่อไปแต่ยังกลับมาเกาะขอเงิน ส่วนพ่อก็บริหารร้านซูชิเจ๊งจนมีหนี้สิน และสุดท้ายก็ต้องมาล้มป่วยจากอุบัติเหตุ ความยากจน และไร้ผู้ใหญ่ให้พึ่งพา ทำให้โอเซหันหน้าหาอะไรก็ได้ที่ได้เงินมากอย่างรวดเร็วเพื่อหาเงิน 8 ล้านเยนมาชำระหนี้ให้พ่อ

และซูโม่ก็คือทางเลือกที่เขาได้รับ ไม่ต่างจากในไทยที่เด็กในครอบครัวรายได้น้อยถูกส่งไปฝึกมวยไทยเพื่อค้าแข้งยอมเจ็บตัวเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างไร้ทางเลือกมากมาย ตรงนี้ซีรีส์ปูบทมาได้ดีเพราะภาพของพ่อที่ป่วย และความลำบากของชีวิตนั้นคอยกลับมาตอกย้ำโอเซในจังหวะที่เขาต้องตัดสินใจบางอย่างเสมอ

และทำให้เรารู้สึกเห็นใจแทนที่จะหมั่นไส้เวลาที่เขาเลือกทางผิดอย่างทิ้งการซ้อมไปเป็นของเล่นเศรษฐีเพื่อเงิน และก็ตามสไตล์มังงะโชเน็นที่สุดท้ายตัวเอกก็ต้องเรียนรู้ และเจอความผิดหวังต่าง ๆ มีตัวร้ายเป็นพวกผู้อาวุโสที่หวงความโบราณจนน่าหมั่นไส้คอยมากลั่นแกล้ง จนเกิดแรงฮึดคิดได้กลับมามีสมาธิกับการต่อสู้

โดยมีเหล่าเพื่อนพ้อง และครูฝึกที่สนับสนุนให้กำลังใจ จนกลับไปเผชิญหน้ากับคู่แข่งคนสำคัญที่เน้นผลลัพธ์มิตรภาพมากกว่าการจะฆ่ากันให้ตาย โดยปูภูมิหลังให้บอสใหญ่เองก็น่าเห็นใจไม่แพ้กันกลายเป็นสองตัวเอกที่ยืนสมศักดิ์ศรีบนเวทีด้วยกันทั้งคู่ ตอกย้ำว่าการสร้างคู่แข่งแต่ต้องไม่สร้างตัวร้ายในเกมกีฬาเป็นเนื้อหาที่ญี่ปุ่นทำได้แข็งแรงมากจริง ๆ

รีวิว Sanctuary สังเวียนศักดิ์สิทธิ์ : จิตวิญญาณแห่งซูโม่

นี่คือเรื่องราวของเอนโซ คิโยชิ (วาตารุ อิชิโนเสะ) เด็กหนุ่มเลือดร้อน และอันธพาลร่างใหญ่ชอบทะเลาะวิวาทที่ได้เข้ามาอยู่ในชายคาค่ายซูโม่เอนโชเพื่อที่จะเป็นนักซูโม่ แต่ความที่คิโยชิมีนิสัยเกกมะเหรกชอบต่อยตีแม้จะมีพรสวรรค์แต่ความห้าว และแหกคอกของเขาก็ทำให้เขาต้องพบกับฝันร้ายในการฝึกเล่นกีฬาที่มีระบบระเบียบมีขนบอย่างซูโม่

ซึ่งแท้จริงแล้วคิโยชิคือเด็กหนุ่มจิตใจดีที่ครอบครัวแตกแยก และการมาเป็นนักซูโม่ของเขาก็เพราะการทำเพื่อพ่อ ในขณะเดียวกันคิโยชิที่ได้รับชื่อในวงการว่าเอ็นโนะก็ได้สานมิตรภาพกับชายหนุ่มร่างยักษ์ที่ชอบเหม่อมองซากุระคือนักซูโม่ที่แข็งแกร่งเกินต้านนามว่าชิสุอุจิ

อีกด้านหนึ่งก็มีนักซูโม่อัจฉริยะชื่อดังที่แบกความหวังของครอบครัวคือริวกิ (คาสุ โซ) ที่ไม่ต่างจากนกน้อยในกรงทอง แน่นอนทั้งสามคนคือสามด้านของวงการซูโม่ที่จะต้องมาห้ำหั่นกันเพื่อเป็นหนึ่งโดยมีนักข่าวคุนิชิมะ อาสุกะ (คัตสึนะ ชิโอริ) ที่ถูกเตะโด่งจากการทำข่าวการเมืองมาทำข่าวกีฬาโบราณที่เธอมองว่าคร่ำครึนี้เป็นพยาน

โครงเรื่องที่แทบจะไม่ต่างจากหนังกีฬาอื่น ๆ

โครงเรื่องนี้ก็เป็นแนวเดียวกับหนังกีฬาอื่น ๆ คือเริ่มจากคนโนเนมแต่มีพรสวรรค์ซ่อนอยู่ แล้วก็ค่อย ๆ เปล่งประกายจนกลายเป็นดาว ก่อนที่จะเจออุปสรรคใหญ่ แล้วก็ร่วงหล่นลงมา แล้วค่อย ๆ ฟื้นความเชื่อมั่นกลับไปได้อีกครั้ง ซึ่งโครงเรื่องก็เป็นไปตามสูตรสำเร็จปกติของเรื่องแนวนี้ เพียงแค่เอาเรื่องในวงการซูโม่มาครอบไว้เท่านั้น แต่ก็ไม่ได้มีเรื่องราวเจาะลึกอะไรมาก เรียกว่าเป็นเบสิคพื้นฐาน ของวงการซูโม่ที่หาอ่านจากบทความโดยปกติก็ได้

แม้จะพยายามพุ่งเจาะไปในช่วงแรกให้เห็นระบบโซตัสที่กดขี่โหดร้าย หรือปัญหาของกลุ่มผู้มีอำนาจ เป็นสายอนุรักษ์ที่ครอบงำวงการ ไม่ยอมให้มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ แม้แต่นิดเดียว ซึ่งตัวเอกเป็นคนรุ่นใหม่ พอก้าวเข้ามาในวงการก็มีเรื่องทำให้พวกนี้ขัดใจ จนโดนเล่นงาน แต่เรื่องราวความขัดแย้งทั้งหมดนี้ ก็ยังเป็นแค่อุปสรรคตามสูตร สุดท้ายเรื่องราวก็มีทางออกง่าย ๆ ไปหมด อย่างพระเอกอยู่ ๆ ก็ฝึกตัวเองจนเก่งขึ้นทันทีในเวลาสั้น ๆ

สามารถเอาชนะรุ่นพี่ทลายระบบโซตัสลงได้เอง ทำให้เรื่องนี้ไม่ใช่ซีรีส์ ที่จะมาเปิดเผยเรื่องราวลับหรือเบื้องหลังมืดมนของวงการซูโม่เลย แทบจะเรียกว่าซีรีส์พยายามทำให้วงการซูโม่ ดูศักสิทธิ์ยิ่งใหญ่ เหมือนงานสร้างเรื่องนี้ เป็นโฆษณาชวนเชื่อซะมากกว่า (ถ้าเทียบกับ Hurts Like Hell ของไทยจะเห็นได้ชัดว่ากล้าตีแผ่เรื่องราวด้านมืดตรง ๆ )

ทั้งนี้หัวใจสำคัญก็คือคาแรกเตอร์ตัวเอกที่น่าสนใจมีเสน่ห์ชวนติดตาม sanctuary สังเวียนศักดิ์สิทธิ์ นักแสดง อย่าง อิจิโนเสะ วาตารุ (ノ瀬ワタル) อาจผ่านหนังนักเรียนตีกันในแฟรนไชส์ ‘ไอ้อีกา’ จนคุ้นหน้าคุ้นตาดี แต่ก็ไม่ได้อยู่ในหมวดที่เรียกได้ว่าหน้าตาดีมีเสน่ห์จนเป็นตัวนำแล้วต้องดู แต่เพราะการวางที่ทางให้พระเอกดูซื่อบื้อดันเหมาะกับเขามาก เรียกว่าเลือกคนให้เข้าบทอาจส่งผลดีได้มากกว่าหน้าตาดีมาก่อนในกรณีนี้

นอกจากนั้นแล้วตัวเรื่องยังมีความเว่อร์แบบโอเวอร์แอ็กติ้งตามสไตล์ซีรีส์ญี่ปุ่น ตัวละครทุกตัวในเรื่องเน้นแสดงแบบเกินจริงจนดูตลกในหลายครั้ง แล้วก็ใส่ตัวละครนางเอกเป็นนักข่าวการเมืองที่ถูกย้ายมาทำข่าวซูโม่ที่ตัวเองไม่รู้จักมาก่อน แต่พอได้เจอตัวเอกก็ค่อย ๆ ปลาบปลื้มหลงชอบขึ้นมาเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว โดยมีนางร้ายเป็นสาวบาร์ที่หลอกล่อเกาะกินพระเอกอยู่เป็นคนขัดขวาง ทำให้ตัวเรื่องก็ออกแนวรักใคร่ผสมลงไปด้วย

รีวิว Sanctuary สังเวียนศักดิ์สิทธิ์ - ฉากต่อสู้ที่ทำออกมาได้จริงจังเข้มข้น

สิ่งที่ตัวเรื่องเด่นจริง ๆ ก็คงเป็นฉากต่อสู้ที่ทำออกมาได้จริงจังเข้มข้น ส่วนใหญ่จะเป็นฉากต่อสู้แบบซ้อมในค่ายเป็นสนามทรายในห้องแคบ ๆ ซึ่งแสดงใ้ห้เห็นรูปแบบการฝึกฝนที่ใช้ระบบโซตัสแบบโหด ๆ ทารุณทั้งร่างกาย และจิตใจเพื่อให้นักกีฬาซูโม่แกร่งขึ้นมาเอง อีกส่วนคือฉากต่อสู้ในสนามจริง ซึ่งมีการเก็บรายละเอียดต่าง ๆ ได้ครบถ้วน การต่อสู้เน้นใช้ภาพสโลวโมชั่นเข้ามาให้เห็นการปะทะกันแบบดุเดือด

เหตุผลที่เรื่องนี้เน้นใช้ภาพสโลโมชั่นก็เพราะการแข่งขันซูโม่จบไวมาก จากการถูกผลักออกนอกเส้น หรือล้มลงบนพื้นก็นับว่าแพ้ทันที จึงจำเป็นต้องใช้ภาพช้าเข้ามาช่วย แต่ก็เป็นผลทำให้ฉากต่อสู้ดูยืดยาวเกินจริงไปด้วย นี่คือมังงะในสถานภาพสมจริงที่มีครบทุกองค์ประกอบ ด้วยโครงเรื่อง และตัวละครแบบนี้ถ้าปรับมาเป็นงานลายเส้นแบบอนิเมะที่สร้างจากมังงะก็คงไม่แปลกเพราะเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของการ์ตูนลูกผู้ชายที่ฮิตระเบิดในอดีต

ความรู้สึกหลังรับชม

ถ้าซูโม่ที่ดูไม่ได้เท่อะไร ‘Sanctuary’ ยังทำให้กลายเป็นอะไรที่สนุก เร้าใจ หามุมที่ทำให้เข้าใจความโบราณว่ามีคุณค่าน่ายกย่อง และในขณะเดียวกันก็ไม่ได้บังคับให้รักให้ชื่นชม แต่ตั้งคำถามในเวลาเดียวกันด้วยมุมคิดแบบสมัยใหม่ ว่ามันเหมาะสมไหมกับการแบ่งว่านี่คือกีฬาสำหรับผู้ชายเท่านั้น ผู้หญิงไม่อาจเหยียบย่ำเวทีได้

สะท้อนกับคำว่า แดนสิ่งศักดิ์ นั้นมันศักดิ์สิทธิ์เพราะความเข้าใจหรือการบังคับ แล้วค่อยกร่อนคำตอบให้ออกมาในใจผู้ชมเองว่าความศักดิ์สิทธิ์นั้นคืออะไร ก็เป็นกุศโลบายที่อาจมาปรับใช้กับเนื้อหาเชิงวัฒนธรรมที่สูงส่งจนแตะต้องไม่ได้หลายอย่างของไทยได้เช่นกัน แม้จะรู้สึกไม่ต่างจากการอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นแต่ใครจะทำไมเพราะยิ่งดูไปก็ยิ่งสนุก การดูเรื่องนี้ความรู้สึกของผู้เขียนไม่ต่างจากเมื่อครั้งอดีตที่ความบันเทิงที่หาได้คือการ์ตูนญี่ปุ่น

ซึ่งการ์ตูนที่เช่ามาอ่านก็จะเป็นแนวนี้พระเอกแบบนี้แรงบันดาลใจแบบนี้มอบได้ทุกอารมณ์แบบนี้ จนบางครั้งมารดาผู้เขียนบอกว่าบ้าเพราะอ่านการ์ตูนอยู่ดี ๆ เดี๋ยวหัวเราะเดี๋ยวน้ำตาซึม แต่นั่นคือการอ่านที่ต้องผสานจินตนาการสื่อสารไม่ลึกเท่านี้แค่อาจได้เปรียบที่สามารถสร้างภาพเหนือจริงกว่าได้

แต่การดูซีรีส์เรื่องนี้คือได้อารมณ์แบบเดียวกันที่ถูกสื่อสารผ่านการถ่ายทอดออกมาอย่างดีด้วยภาพ และเพลงตามสไตล์ญี่ปุ่น ทำให้นี่คืองานซีรีส์ที่ดูสนุกที่ตั้งบนพื้นฐานคุณภาพชั้นดีเป็นงานดราม่ากีฬาตามสูตรที่กดสูตรติด และตูดติดตาเพราะมาเต็มจอ นั่นคือเมื่อดูแล้วก็หยุดไม่อยู่เหมือนกับตอนอ่านการ์ตูนหามรุ่งหามค่ำเพราะสนุกเหลือหลายทั้งเรื่องใน และนอกสนาม ส่วนบทสรุปเมื่อถึงตอนนี้เชื่อว่าคงมีภาคสองตามมาเพราะมีอะไรค้างคาไว้เยอะ

โดยรวม เป็นซีรีส์ญี่ปุ่นแนวกีฬาฟีลกู๊ด เน้นสร้างฝันแรงบันดาลใจ มากกว่าจะเป็นซีรีส์ตีแผ่วงการซูโม่อย่างที่คิด มีส่วนสนุกคือฉากต่อสู้ที่ทำได้ดี แต่ก็ยังห่างไกลจากการต่อสู้จริง ๆ ของศิลปะการต่อสู้แบบอื่น ทำให้คนนอกญี่ปุ่นไม่น่าจะอินตามได้ แต่ถ้าดูเพื่อความแปลกใหม่ก็ถือว่าโอเค เพราะนี่คือซีรีส์ซูโม่เรื่องแรกที่ทำออกมา

สามารถไปอ่านรีวิว ซีรี่ย์เกาหลีเกาใจที่จะมาแจกความฟิน ๆ ไปพร้อมกัน คลิกที่นี่ รีวิวซีรี่ย์ Moving

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *