รีวิว Rebecca

รีวิว Rebecca

รีวิว Rebecca

เรื่องย่อ รีวิว Rebecca

 

คู่ข้าวใหม่ปลามันเดินทางมาถึงคฤหาสน์เก่าแก่ของตระกูลฝ่ายชาย ณ ชายฝั่งที่มีลมกระโชกแรงของอังกฤษ ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะต้องรับมือกับเงาอดีตของภรรยาคนแรกที่ชื่อรีเบคกา ซึ่งยังทิ้งมรดกไว้ ณ ที่แห่งนี้แม้จะจากโลกไปเนิ่นนาน

รีวิว Rebecca

ดาฟนี ดูมอริเออร์ (Daphne du Maurier) เป็นชื่อนักเขียนนวนิยายชาวอังกฤษผู้ประพันธ์งานชิ้นโบว์แดงเรื่อง Rebecca ซึ่งในสายนักอ่านคอคลาสสิกน่าจะรู้จักเป็นอย่างดี แต่สำหรับใครที่ไม่คุ้นชื่อ คงต้องเฉลยอย่างสังเขปว่าเธอเป็นนักเขียนที่จัดว่าหัวก้าวหน้าในยุคของเธอ ด้วยการนำเสนอเรื่องราวที่มักพูดถึงการต่อสู้ระหว่างเพศ ภายใต้บรรยากาศลึกลับโบราณสไตล์กอธิก

 

 

และจุดเด่นในแง่การผูกปมปริศนาให้คนอ่านต้องติดตามไปจนจบ ดังที่มีคำอุทิศถึงเธอในโอกาสครบ 100 ปีชาตกาลดูมอริเออร์ทาง เดอะการ์เดี้ยน ว่า “ดูมอริเออร์คือนายหญิงผู้สร้างปริศนาอันใคร่ครวญดีแล้ว เธอไม่ปรารถนาให้ผู้อ่านอยู่สุข และคงต้องการไว้ซึ่งเงื่อนปมที่เธอผูกจวบจนกว่าเรื่องราวในหนังสือจะจบลง” หลายครั้งหลายคราเรื่องราวของเธอจึงมักจบลงด้วยโศกนาฏกรรมอันค้างเติ่งในใจผู้อ่าน หรือไม่เช่นนั้นก็จบลงอย่างการไร้คำอธิบายให้ปริศนาดำเนินเรื่อยไปในสมองของผู้อ่านเช่นกัน

 

ความโดดเด่นในผลงานของดูมอริเออร์ทำให้งานเขียนหลายชิ้นทั้งเรื่องสั้นและเรื่องยาว ผ่านการแปรรูปสู่ละครเวทีและสื่ออื่น ๆ หรือแม้แต่ภาพยนตร์เองก็เป็นสื่ออันโปรดปรานงานเขียนของเธอไม่ยิ่งหย่อนกัน โดยเฉพาะผู้กำกับระดับตำนานอย่าง อัลเฟรด ฮิตช์ค็อก ก็เคยสร้างหนังจากแรงบันดาลใจในเรื่องสั้นของดูมอริเออร์ จนปรากฏเป็นเรื่อง The Birds (1963) และพิเศษสำหรับ Rebecca เองก็เคยเป็นหนึ่งในผลงานเข้าชิงออสการ์ของฮิตช์ค็อกในปี 1940 มาแล้วเช่นกัน หนังใหม่

 

 

การมารับโจทย์ดัดแปลงผลงานนามกระเดื่องเช่นนี้ลงเน็ตฟลิกซ์ จึงไม่พ้นต้องเป็นผู้กำกับที่มีวิสัยทัศน์และรสนิยมดี ที่สำคัญต้องมีความกล้าสูง อย่าง เบน วีตลีย์ ผู้กำกับชาวอังกฤษที่เคยอาจหาญสร้างหนังจากนิยายที่ขึ้นชื่อว่าไม่อาจสร้างเป็นภาพยนตร์ได้ ของ เจ.จี. บัลลาร์ด อย่าง High-Rise เมื่อปี 2015 มาแล้ว โดยครั้งนี้เขายังได้ร่วมงานกับ เจน โกลด์แมน มือเขียนบทที่ผ่านงานดัง ๆ อย่าง Stardust (2007) Kick-Ass (2010) และ Kingsman ทั้ง 2 ภาคมาอีกด้วย

รีวิว Rebecca

การร่วมงานกันครั้งนี้นับเป็นการใช้เคมีที่ต่างกันออกมาในทางที่ดี วีตลีย์มีวิสัยทัศน์การนำเสนอด้านศิลป์ที่ไม่ธรรมดา ช่วยให้ฉากหลังของคฤหาสน์โบราณริมทะเลอังกฤษเต็มไปด้วยความหลอกหลอนของอดีต อันเป็นหนึ่งในประเด็นหลักจากตัวหนังสือให้ออกมาจับต้องได้ผ่านสายตาผู้ชม ไม่ว่าจะภาพวาดเหล่าขุนนางโบราณ โถงทางเดินอันเปล่าเปลี่ยว ห้องลับที่ห้ามเข้า ตลอดจนผาริมทะเลที่ทั้งสวยงามและน่าหวาดหวั่นยามพายุฝนตั้งเค้า และที่สำคัญคือข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่ล้วนปรากฏนามเจ้านายคนเก่าอย่าง รีเบคกา ราวว่าเธอไม่เคยตายจากไปไหน

 

 

ส่วนโกลด์แมนก็ใช้ความเข้าอกเข้าใจในฐานะนักเขียนที่มีผลงานดัง ๆ ที่ทราบดีว่าผู้ชมต้องการ ดูอะไร และเนรมิตฉากตอนต่าง ๆ ทั้งบทสนทนาและจังหวะจะโคนในการสวม-ถอดปริศนาต่าง ๆ ออกมาแต่ละองก์ได้น่าสนใจ

 

เริ่มแรกเราจะถูกดึงดูดด้วยรสหวานแบบคลาสสิกของสาวใช้นิรนามผู้อ่อนต่อโลก (ลิลี เจมส์ จาก Cinderella (2015) ที่ได้บังเอิญพบ แม็กซิม (อาร์มี แฮมเมอร์ จาก Call Me by Your Name (2017) พ่อหม้ายไฮโซที่มีข่าวซุบซิบเรื่องความผิดปกติหลังภรรยาคนก่อนของเขาตายลง จนเธอหลงรับคำขอแต่งงานของเขา โดยไม่รู้ว่าจะพบพานความน่ากลัวบางอย่างตามที่นายหญิงของเธอเคยทำนายไว้ว่าเธอรับมือกับการเป็นนายหญิงของคฤหาสน์โบราณนั้นไม่ไหวหรอก ทั้งพิธีรีตองแบบผู้ดี เหล่าบรรดาคนใช้ที่ซุบซิบนินทา และที่สำคัญข่าวลือแปลก ๆ ของบ้านหลังนั้น

 

โทนหนังค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นลึกลับเมื่อไม่มีใครในบ้านที่ดูต้อนรับเธอเลย ราวกับทุกคนซ่อนความลับของบ้านไว้ โดยเฉพาะหัวหน้าผู้รับใช้อย่าง คุณนายแดนเวอร์ส (คริสติน สก็อตต์ โธมัส ผู้เคยเข้าชิงดารานำหญิงออสการ์จาก The English Patient (1996) ที่กระทำราวกับเธอไม่มีตัวตน และตอกย้ำเสมอว่าคุณรีเบคกายังคงอยู่ในบ้านหลังนี้

 

ต้องยอมรับว่าเมื่อหนังวางปมของความสยองขวัญจากอดีตภรรยาแม็กซิมลง หนังก็เริ่มเผยคราบดราม่าที่เข้มข้น เชือดเฉือนกันระหว่างคนเป็นที่ดูอันตรายยิ่งกว่าวิญญาณจากอดีต และเปลี่ยนท่าทีเป็นหนังแนวสืบสวนเบา ๆ ก่อนจะแสดงร่างแท้จริงของการเป็นหนังโศกนาฏกรรมคลาสสิกที่ทั้งสวยงามและทิ้งตะกอนอารมณ์ให้ผู้ชมครุ่นคิดได้เรื่อยไปเช่นนั้น ว่า เราจะยึดถือคนผู้แสนรักไว้อย่างไร เมื่อกาลเวลาได้พรากชีวิตของเขาให้กลายเป็นอดีตลง แล้วสมควรหรือที่จะเอาภาพอดีตมาสวมทับคนในปัจจุบัน เพราะที่สุดแล้วไม่มีใครแทนกันได้อยู่ดี แม้สิ่งที่ดีของคนในอดีตนั้นจะยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตาม

 

 

 

ภาพยนตร์จากนิยายแนวโกธิกที่วางตัวเป็นแนวโรมานซ์มิสเทอรีย้อนยุค ตัวเรื่องวางแนวไว้คลุมเครือหลายอย่าง ยิ่งดูจากตัวอย่างก็แอบคิดว่าเป็นหนังผีไปด้วย แต่ตัวเนื้อหาของเรื่องจริงๆ คือแนวรักผสมเรื่องลึกลับที่เกิดขึ้นรอบตัวนางเอกในคฤหาสน์เก่าแก่ โดยมีนางเอก (ลิลลี่ เจมส์ จาก Baby Driver) เป็นตัวเดินเรื่องหลัก ที่ต้องเข้ามาพัวพันกับความลับที่ซ่อนอยู่ที่นี่  ที่จุดเริ่มต้นจากกลับมาของฝ่ายชายที่แต่งงานพาเธอเข้ามาอยู่ด้วย หลังจากพบกันโดยบังเอิญที่โรงแรม และเธอมีสถานะเพียงแค่เป็นคนติดตามรับใช้ของนายหญิงชราคนหนึ่ง ก่อนจะยกระดับขึ้นมาเป็นนายหญิงของตระกูลนี้ และการเปลี่ยนสถานะชนชั้นฉับพลันทำให้เธอปรับตัวไม่ทัน จนแทบจะประคองชีวิตคู่ไว้ไม่ได้ แถมตัวสามีเองยังไม่ยอมเปิดเผยว่าเกิดอะไรขึ้นกับภรรยาคนเก่าที่ชื่อว่า “รีเบคกา” อีกด้วย

 

 

หนังเริ่มต้นด้วยการปูความสัมพันธ์สดใสของทั้งคู่เหมือนเป็นหนังรักยุคคลาสสิคเชยๆ ที่สาวไร้เดียงสามาพบรักกับพ่อหม้ายตระกูลใหญ่ร่ำรวย ซึ่งตัวเรื่องใช้เวลาไม่นานก็ตัดให้ทั้งคู่ตกลงใจแต่งงานกันทันที และกลับไปยังคฤหาสน์เก่าแก่ “แมนเดอร์ลี” ที่เป็นฉากหลังของเรื่องนี้ ก่อนจะพบว่าชีวิตที่ดูเหมือนแจ็คพ็อตโชคดีร่ำรวย กลับต้องมาเจออะไรที่ลำบากกว่าที่คิด ทั้งการที่มีคนใช้มากมายรุมล้อม แต่กลับอยู่ใต้อำนาจของ “แดนเวอร์” หญิงสูงวัยหัวหน้าคนรับใช้ประจำตระกูล ที่ดูไม่ถูกชะตาเธอตั้งแต่แรก ตัวเรื่องให้นางเอกพยายามปรับตัวเข้าหาทุกคน เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของทุกคน แต่อะไรๆ ก็ไม่เป็นใจ มีแต่เรื่องราวที่ทำให้เธอต้องขายหน้าหรืองุนงงกับการปฏิบัติตัวของสามีที่เดี่ยวดีเดี๋ยวร้าย แถมยังไม่ยอมปริปากว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ กันแน่กับความตายของภรรยาเมื่อปีก่อน แถมยังดูเหมือนว่าแต่งนางเอกมาเพื่อแก้เหงาเพียงเท่านั้น ซึ่งก็กลายเป็นช่วงดราม่ายาวนานมาก มีระทึกนิดๆ จากความฝันประหลาดๆ ของนางเอกทุกคืน ซึ่งออกแนวแฟนตาซีเล่นแสงสีเงาให้ดูลึกลับน่ากลัวเป็นหลัก รวมถึงอะไรบางอย่างที่ชวนให้สงสัยว่า รีเบคกา อาจจะยังมีตัวตนอยู่ในที่แห่งนี้อีกด้วย

 

 

ด้วยความยาวสองชั่วโมงของเรื่อง หนังใช้เวลาเดินเรื่องคลุมเครือจากที่บอกไปข้างต้น ก่อนจะมาเฉลยความจริงในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในคฤหาสน์แห่งนี้ และรีเบคกายังอยู่ในสภาพแบบไหนกันแน่? ซึ่งแม้จะไม่ได้เซอร์ไพรส์หักมุมอะไรนัก เพราะหนังก็ใบ้มาตลอด แต่ก็ถือว่าตัวเรื่องจากนี้ไปสนุกกว่าในช่วงแรกที่คลุมเครือมากเกินไป แทบจะไม่รู้ว่าเป็นแนวอะไรกันแน่เพราะมีทั้งภาพหลอน ฉากแปลกๆ จะเป็นผีหรือฆาตกรรมก็ไม่แน่ใจ ทุกอย่างดูปนๆ กันไปหมด ซึ่งพอเรื่องกระจ่างชัดว่าเป็นแนวไหน และเรื่องจริงๆ คืออะไรก็เลยทำให้น่าติดตามมากกว่า แต่ว่าตอนจบกลับเรียบง่ายเกินไปมาก แบบทำเหมือนจะมีอะไรลึกลับ แต่แล้วก็หาทางออกง่ายๆ ก่อนพบกับฉากจบแบบธรรมดาจนเกินไป จนไม่เหลืออะไรให้น่าพูดถึงเลย

 

 

สิ่งที่ชวนให้น่าติดตามน่าดูมากกว่าเนื้อเรื่องคือ นางเอก ที่แสดงโดย ลิลลี่ เจมส์ ที่ดูสวยไร้เดียงสาน่ารักแบบสาวบ้านๆ และโดนรุมกระหน่ำจากการไต่ขึ้นมาเป็นชนชั้นสูงเร็วเกินไป ซึ่งภายหลังเธอก็กลายก็เป็นคนที่แข็งแกร่งพยายามแบกรับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ ส่วนตัวพระเอก แม็กซิม ที่แสดงโดย อาร์มี แฮมเมอร์ (พระเอกจาก he Man from U.N.C.L.E. หนังสายลับปี 2015) ก็ดูหล่อเนี๊ยบแบบลึกลับ พร้อมกับบทที่เหวี่ยงอารมณ์ขึ้นลงแบบไร้สาเหตุกับภรรยาได้น่ากลัวพอสมควร โดยมีตัวร้ายหลักของเรื่องคือหัวหน้าคนรับใช้ที่แสดงโดย Kristin Scott Thomas มาเป็นตัวร่วมที่ทำให้นางเอกหลอกขึ้นอีกนิดเมื่อเธอมักปรากฎตัวในที่ๆ นางเอกไม่คาดคิดเสมอ  ดูหนัง   

 

 

งานโปรดักชั่นเนรมิตยุคอดีตในเรื่องนี้ถือว่าเนี๊ยบมาก เพราะมีฉากกว้างๆ หลากหลายฉากในช่วงแรก อย่างฉากขับรถไปที่ต่างๆ ก่อนที่จะไปอยู่ที่คฤหาสน์ในต่อมาไปจนจบ ซึ่งอาจจะเพราะนี่เป็นหนังอังกฤษแท้ๆ ทำให้การหาฉากโลเกชั่นคลาสสิคแบบนี้ง่ายกว่าหนังอเมริกัน ฉากกับสิ่งต่างๆ ในเรื่องจึงดูสมจริงมาก เรียกว่าถึงบทจะไม่ว้าวมาก แต่งานโปรดักชั่นย้อนยุคในเรื่องก็พอทำให้คนดูไม่เบื่อได้อยู่ครับ

 

ถือว่าน่าเสียดายมากที่หนังมีหลายๆ อย่างถือว่าดีเลย แต่กลับทำได้ไม่ถึงเองจากบทที่เหมือนจะมีอะไร แต่กลับไม่มีอะไรใหม่หรือแตกต่างในยุคนี้ แต่ก็ถือว่าดูได้ดีกว่าหนัง Netflix โดยทั่วไปอยู่ครับ

 

 

 

 

สรุป

รีวิว Rebecca

ตัวหนังพยายามเล่นเรื่องชนชั้นเข้ามาผสมกับเรื่องลึกลับ แต่กลับทำได้แค่ผิวๆ ไปซะทุกอย่าง มีดีตรงนางเอกกับฉากงานสร้างย้อนยุคที่สมจริง ซึ่งก็พอกล้อมแกล้มทดแทนกันได้ แต่หนังลากเรื่องยาวนานมากกว่าจะเฉลยเอาครึ่งชั่วโมงสุดท้าย กับตอนจบที่ง่ายจนเหมือนทิ้งความลึกลับกับปริศนาที่ทำมาไปจนหมด

 

 

จุดเด่น

รีวิวหนัง      

ความสวยใสของนางเอกที่น่ารักไร้เดียงสาน่าติดตาม

งานสร้างย้อนยุคที่สมจริง

ความคลุมเครือของเรื่องชวนให้ติดตาม

ฉากแฟนตาซีในฝันนางเอกที่ดูลึกลับ

ความพิถีพิถันในโพรดักชัน ที่สวยงามและสร้างบรรยากาศขับเน้นหัวใจของเรื่องได้น่าสนใจ นักแสดงมีเสน่ห์น่าจับตามองตลอด และการเล่าเรื่องหลากหลายรสในแต่ละองก์ที่ดูลื่นและเพลินทำให้ไม่ง่วงแม้จะเป็นสไตล์ดราม่าคลาสสิก

 

จุดด้อย

 

ตัวเรื่องหลังเฉลยแล้วกลับไม่มีอะไรที่เซอไพรส์คนดูได้มากนัก

ตอนจบหาทางออกของเรื่องแบบง่ายจนเกินไป

ช่วงคลุมเครือของเรื่องยาวนานมากถึงชั่วโมงครึ่ง คนดูอาจจะเบื่อไปซะก่อน

 

ช่วงหลังมีหนังแนวนี้มาใกล้ ๆ กัน อย่างเรื่องนี้ก็ใกล้เคียงกับ The Haunting of Bly Manor ก็อาจโดนทอนความสนใจลง แม้มองภาพรวมเรื่อง Rebecca จัดว่าคุณภาพสูงไม่น้อย และที่สำคัญหน้าหนังที่ชงมาทางหนังผีก็อาจทำบางคนที่อยากดูผีโฉ่งฉ่างผิดหวังได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *