ดูบอลสด
รีวิว Nothing to Hide (2018) เกมเร้นรัก
หนังรีเมคสัญชาติที่ 3 ต่อจากต้นฉบับ Perfect Stranger (2016) ของอิตาลีและ Perfect Stranger (2017) รีเมคฉบับสเปน ซึ่งในเวอร์ชั่นรีเมคฝรั่งเศสนี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Nothing to Hide (2018) แทนชื่อเดิมที่ใช้มาสองครั้งแล้ว หนังเล่าเรื่องราวเสียดสีตีแผ่วิถีชีวิตของคนในยุคปัจจุบัน ที่สมาร์ทโฟนกลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิต มากไปกว่านั้นมันยังเก็บซ่อนความลับของเจ้าของเครื่องไว้มากมาย
ม่เคยเห็นเกมบนโต๊ะกินข้าวเกมไหนสนุกเท่าเกมนี้มาก่อน Nothing to Hide หนังจากผู้กำกับชาวฝรั่งเศส Fred Cavayé ที่เล่าเรื่องมื้ออาหารได้สนุกมาก อย่างไม่เคยดูที่ไหนมาก่อน
ในคืนที่เกิดจันทรุปราคา กลุ่มเพื่อนได้นัดปาร์ตี้กันครอบครัวหนึ่ง ในระหว่างความอึมครึม ได้เกิดการท้าให้เล่นเกมที่ทุกคนต้องเปิดความลับของตัวเองออกมา คือ วางมือถือไว้กลางโต๊ะกินข้าว หากมีข้อความเข้า อีเมลล์ เอสเอ็มเอส หรือแม้กระทั่งข้อความใน Facebook Messenger ทุกคนต้องอ่านมันออกมา แค่นั้นแหละความพินาศก็เริ่มต้น
ทุกคนมีความลับ กลุ่มเพื่อนที่ประกอบด้วย คู่สามีภรรยา 2 คู่ แฟนที่กำลังดูใจกันหวานชื่น 1 คู่ และชายโสดอีก 1 คน ลองคิดดูว่า หากใครมีความลับและในทุกการแจ้งเตือนบนโทรศัพท์มือถือนั้น ต้องอ่านมันออกมาให้ได้ยิน คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น
สามีที่ได้รับข้อความภาพเป็นภาพโป๊ของหญิงสาวคนหนึ่งทุกคืน ภรรยาที่กำลังวางแผนส่งตัวแม่สามีไปอยู่บ้านพักคนชรา ชายหนุ่มที่อยากมีลูกจนต้องไปมีอะไรกับหญิงอื่นจนเธอตั้งครรภ์ คุณแม่ที่กำลังไปทำหน้าอกเพื่อตอบสนองความต้องการของสามี และสุดท้ายชายหนุ่มที่เขากำลังตกหลุมรักกับชายด้วยกัน ทุกคนจะทำอย่างไรเมื่อความลับนี้เปิดเผยออกมา ต้องไปดูกัน
ผู้กำกับถ่ายทอดเรื่องราวด้สนุก เล่าปัญหาของแต่ละคนออกมาได้รสชาติมาก ปัญหาเล็กน้อยที่กลายเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิตคู่ จนอาจทำให้ชีวิตครอบครัวพังทลาย
ตัวหนังดูเพลิน ๆ ไม่เครียดมาก ให้อารมณ์แบบดูครอบครัวชาวบ้านทะเลาะกัน ต่างกันแค่ครอบครัวนี้วุ่นวายหน่อยเท่านั้นเอง ไม่มีเลือดตกยางออก หรือการตบตีใช้ความรุนแรง สบายใจได้
รีวิว Nothing to Hide (2018) เกมเร้นรัก เรื่องย่อ
ในคืนจันทรุปราคา เพื่อนสนิท 7 คน (คู่รัก 3 คู่ และ 1 ชายโสด) กลับมาพบและทานอาหารค่ำร่วมกัน แล้วเมื่อบทสนทนาดำดิ่งสู่ความไม่ไว้ใจกันของคู่รักคู่หนึ่ง ก็เกิดการท้าเล่นเกม
หนังเป็นงานรีเมกจากหนังอิตาลีเรื่อง Perfect Strangers หรือ Perfetti sconosciuti (2016) ของ เปาโล เจนโอวีซี มาเป็นฉบับฝรั่งเศสของผู้กำกับและมือเขียนบทอย่าง เฟรด กาวายี โดยแทบจะไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรมากนัก (แถมโปรดักชั่นดูเป็นสตรีมมิ่งมากกว่าหนังโรงด้วย) และด้านล่างนี่คือตัวอย่างของ Perfect Strangers ลองเทียบกับด้านบนของฝรั่งเศสดูจะพบว่า เป๊ะเว่อ! โดยหนังต้นฉบับได้รางวัลจากเวทีต่าง ๆ มามากมาย ทั้งหนังยอดเยี่ยม และโดยเฉพาะบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ซึ่งก็เป็นข้อดีอีกล่ะที่ Nothing to Hide เก็บส่วนดีของบทหนังมาได้ครบมาก และยิ่งหาดูต้นฉบับไม่ได้ การดูฉบับคัฟเวอร์ฝรั่งเศสเรื่องนี้ก็อิ่มเอมทดแทนกันได้อยู่เหมือนกันนะ
เนื้อเรื่อง
วินเซนต์ (Stéphane De Groodt) และมาเรีย (Bérénice Bejo) คู่สามีภรรยาที่นัดจัดปาร์ตี้ทานอาหารค่ำ กับเพื่อน ๆ ในวันที่เกิดจันทรุปราคาพอดี แต่ก่อนที่เพื่อนจะมาถึง ทั้งสองคนที่ลูกกำลังโตเป็นสาวกลับมีเรื่องให้ปวดหัว เมื่อ มาเรีย พบถุงยางในกระเป๋าของลูกสาวที่กำลังจะออกไปเที่ยวกับเพื่อน คนเป็นแม่ก็เลยมีปากเสียงกับลูกสาวนิดหน่อยก่อนเธอออกจากบ้านไป
เพื่อน ๆ ของเธอทยอยมาเป็นคู่เริ่มจาก มาร์โก (Roschdy Zem) กับ ชาล็อต (Suzanne Clément) คู่สามีภรรยา ที่ต้องฝากลูก ๆ ให้แม่ของสามีเป็นคนดูแลในคืนนี้แทนพวกเขา ตามมาด้วย โทมัส (Vincent Elbaz) และ เลอา (Doria Tillier) คู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันที่เพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นาน แต่คนที่เพื่อน ๆ ตั้งตารอการมาถึงมากที่สุดก็คือ เบน (Grégory Gadebois) หนุ่มร่างท้วมที่เพื่อน ๆ ได้ข่าวลือว่ากำลังเดตกับสาวคนใหม่ แต่กลายเป็นว่า เบน มาที่งานปาร์ตี้ตามลำพังคนเดียว แล้วบอกกับเพื่อน ๆ ว่าแฟนของเขาป่วยอยู่ ก็เลยไม่สะดวกที่จะมางานนี้
งานปาร์ตี้ดำเนินไปอย่างราบลื่น แม้ว่าจะมีบางคนบ่นกับอาหารบางอย่างที่เจ้าของบ้านไม่เคยทำได้ถูกปากเขา กระทั่งจู่ ๆ มาเรีย ก็เกิดปิ๊งไอเดียท้าทายสามีของเธอขึ้นมาว่า กล้าให้เธอดูโทรศัพท์ของเขาหรือไม่ ฝ่ายสามีก็เลยสวนกลับไปว่า แล้วคุณล่ะกล้าให้เขาดูโทรศัพท์ไหม จากการท้าทายกันของสองผัวเมียมันได้ขยายวงกว้างขึ้น กลายเป็นเกมที่เพื่อนทั้ง 7 คนตัดสินใจวางโทรศัพท์ไว้กลางโต๊ะ แล้วไม่ว่าเมื่อไหร่หรือใครที่โทรหรือส่งข้อความเข้ามา เจ้าของเครื่องจะต้องเปิดให้คนอื่นได้อ่าน หรือได้ยินการสนทนานั้น ๆ ด้วยทุกอันไม่มีข้อยกเว้น
หนังเล่าเรื่องในที่จำกัด เหตุการณ์แทบทั้งเรื่องเกิดขึ้นในบ้านของคู่รักอย่างมารีและวินเซ็นต์ และเมื่อเหล่าแขกที่ถูกเชิญมาครบ เรื่องราวจริง ๆ ของหนังก็ค่อย ๆ เผยตัวออกมาผ่านบทสนทนาและเหตุการณ์ที่ท้าทายและสนุกสนาน รวมถึงให้ข้อคิดไปพร้อมกัน เมื่อเหล่าเพื่อนพูดคุยกันมาถึงเรื่องว่าเขาล็อกโทรศัพท์กันหรือไม่ และเมื่อมารีรู้ว่าวินเซ็นต์แฟนของตัวเองดูไม่อยากให้ใครมายุ่งกับโทรศัพท์ของเขา เธอจึงท้ากึ่งบังคับเพื่อนทุกคนให้เล่นเกมกัน โดยวางมือถือของทุกคนไว้กลางโต๊ะระหว่างมื้อค่ำและเมื่อมีข้อความ สายเข้า หรืออะไรก็ตามเข้ามาเครื่องใคร จะต้องอ่านออกเสียงให้ทุกคนบนโต๊ะได้ยินพร้อมกันด้วย
และความลับต่าง ๆ ก็ค่อย ๆ เผยผ่านมือถือ ทั้งเรื่องสัพเพเหระ เรื่องชวนเข้าใจผิด เรื่องที่ไม่อยากบอกใคร และเรื่องชวนช็อกที่ทำลายได้ทุกความสัมพันธ์บนโต๊ะอาหาร ความผิดแปลกและเรื่องซ่อนเร้นระหว่างสามีภรรยา และระหว่างเพื่อนรัก ทั้งหลายถูกนำเสนออย่างคมคาย เจ็บแสบ และเต็มไปด้วยมุขตลก เช่น เพื่อนคนหนึ่งไม่อยากให้แฟนรู้ว่าคบกิ๊กจึงขอสับมือถือกับเพื่อนข้าง ๆ ที่บังเอิญเป็นรุ่นเดียวกัน โดยไม่รู้เลยว่าเพื่อนคนนั้นอาจมีความลับอะไรที่แรงกว่าการมีกิ๊กก็ได้ และเมื่อการสับมือถือก็กลายเป็นสถานการณ์สุดฮา และลงท้ายด้วยความดราม่าซาบซึ้งใจในที่สุด ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นตลอดเวลาของหนัง ทั้งสามีภรรยาที่มีความลับต่อกัน ทั้งเพื่อนที่ช่วยปกปิดความลับของกัน และเพื่อนที่มีความลับต่อกัน หรือเพื่อนที่ปกปิดตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง คือวุ่นวายมาก ฮามาก และซึ้งมาก
นอกจากบทสนทนาดี ๆ สถานการณ์สนุก ๆ พลิกผันไปมา หนังทำได้ดีมากด้วยในการสร้างภูมิหลังให้แต่ละตัวละคร รวมถึงบุคลิกนิสัยต่าง ๆ ที่ทำให้เราอินและเชื่อไปกับเพื่อนกลุ่มนี้ที่แม้แตกต่างกันมาก แต่ก็ดูสนิทกันมาก เพื่อนที่แซวกันแรงแต่เมื่อถึงเรื่องที่จริงจังก็พร้อมปกป้องเพื่อนในทุกทาง หรือเพื่อนที่ดูนิสัยดีร่าเริงแต่เก็บความเจ็บช้ำไว้ในใจ เพื่อนที่ยิ้มให้เราโดยที่เบื้องหลังไม่รู้ทำร้ายเราอะไรไว้บ้าง มันคือชีวิตจริงทั้งนั้นที่ถูกขมวดเล่าสรุปได้เพียงคืนเดียวบนโต๊ะอาหาร
จริง ๆ หนังก็มีช่องโหว่ใหญ่ ๆ ล่ะว่าบางตัวละครที่มีความลับเหมือนกันทำไมถึงกล้าเชื้อเชิญคนอื่นเล่นเกมนี้ แต่ก็นั่นล่ะความมั่นใจประหลาด ๆ ของมนุษย์ว่าความลับเราไม่มีทางเปิดเผยก็เห็นได้จนชินในชีวิตจริงบ่อยครั้ง และแม้บทสรุปสุดท้ายจะไม่ฮาร์ดคอร์สมใจสายเจ็บนัก แต่หนังก็ให้ข้อคิดในเรื่องความสัมพันธ์ ความไว้ใจได้มาก อย่างที่วินเซ็นต์บอกกับมารีว่า “ความรักก็เหมือนเพื่อนสนิท เราต้องมีความลับระหว่างกันบ้าง”
ความรู้สึกหลังดู
แม้หนังจะไม่ถึงกับเรียกว่าทำออกมาได้แซ่บหรือสนุกตื่นเต้นมากนัก (รีวิวใน IMDB เห็นมีบอกว่าต้นฉบับสนุกกว่าเยอะ) แต่โดยภาพรวมของใจความที่หนังพยายามสื่อ ก็ถือว่าเสียดสีได้ดีและตรงจุดตรงประเด็นมาก ๆ ยิ่งกับใครที่เป็นคนรักกันแล้วไม่มีความไว้ใจให้กันล่ะก็ การแอบดูสอดส่องมือถือของอีกฝ่าย มันก็คงจะกลายเป็นรอยร้าวเล็ก ๆ ในความสัมพันธ์ได้ไม่ยากเลยโปสเตอร์ Nothing to Hide (2018)
ก่อนจะดูหนังตัวผมเองมีความเข้าใจในทีแรกว่าจะเป็นหนังระทึกขวัญนะ แต่พอได้ดูจริง ๆ แล้ว Nothing to Hide (2018) เรื่องนี้เป็นหนังดราม่าชัดเจน เพียงแต่อาจจะมีอารมณ์ความระทึกขวัญ ตื่นเต้น แทรกลงไปในบางสถานการณ์คับขันบ้างเท่านั้น หนังพยายามทำให้คนดูคิดว่าแต่ละคนก็มีความลับปกปิด เก็บซ่อนเอาไว้ด้วยกันทั้งนั้น ฉะนั้นแต่ละครั้งที่มีสายเรียกเข้า เราเองเลยได้ลุ้นว่ามันจะเป็นสายของใคร แล้วความลับของใครจะถูกเปิดเผยออกมา
แต่ละตัวละครก็พยายามปกปิดบิดเบือนสิ่งต่าง ๆ หรือข้อความที่ถูกส่งเข้ามาเพื่อรักษาความลับเอาไว้ แต่หลายครั้งยิ่งเราอยากจะปกปิดมันมากเท่าไหร่ ผลที่ได้ออกมามันกลับสร้างสิ่งเลวร้ายใหม่ขึ้นมาแทนเช่นกัน เพราะการปกปิดความจริงด้วยการโกหก มันก็เท่ากับว่าเราก็ต้องโกหกต่อไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายการโกหกที่ว่ามันก็ย้อนกลับมาทำร้ายเราเอง
โจทย์ที่หนังตั้งไว้ทีแรกเหมือนจะบอกว่า คนรักกันย่อมไม่ควรมีความลับต่อกัน แต่หลังจากที่ดูจบถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่ หนังกลับบอกว่าการจะรักษาความรัก ความสัมพันธ์เอาไว้ บางครั้งเราก็ต้องเก็บซ่อนความลับบางอย่างเอาไว้เช่นกัน เหมือนกับที่ วินเซนต์ ได้รู้ความลับบางอย่างของ มาเรีย ภรรยาตัวเอง แต่เขากลับสงบนิ่งและเก็บรักษาความลับนั้นเอาไว้ เพื่อให้ความรักและความสัมพันธ์มันยังเป็นครอบครัวดังเดิม
สรุปแล้ว Nothing to Hide (2018) เกมเร้นรัก เป็นหนังดราม่าที่เอาจริงเวอร์ชั่นฝรั่งเศสนี้ก็ถือว่าโอเคนะ ตัวผมเองก็ไม่เคยดูสองฉบับก่อนหน้ามาด้วย เลยไม่สามารถเปรียบเทียบอะไรได้ ส่วนตัวก็บันเทิงไปกับหนังได้อยู่ แล้วก็หนังจะมีรีเมคเวอร์ชั่นเกาหลีออกมาในปีนี้ด้วยชื่อ Intimate Strangers (2018) หากมีซับไทยคงจะได้ดูอยู่นะ แต่ถ้าไม่มีซับก็อาจจะผ่านเพราะหนังคุยกันทั้งเรื่อง เดี๋ยวจะเก็บรายละเอียดได้ไม่ครบ ฮ่าฮ่า
