รีวิว  Marry Me

รีวิว  Marry Me

รีวิว  Marry Me

 

 

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Marry Me ไปแฟนมีต แต่พีคได้แต่งงาน

 

ประเภท: โรแมนติก / ตลก

ผู้กำกับ: แคท โคริโอ

นำแสดงโดย: เจนนิเฟอร์ โลเปซ, โอเว่น วิลสัน

ความยาว: 112 นาที

กำหนดฉายในไทย: 10 กุมภาพันธ์ 2022 (ในโรงภาพยนตร์)

 

หนึ่งในช่วงที่คนโสดดูจะรู้สึกสภาพแวดล้อมเป็นพิษที่สุดคงหนีไม่พ้นช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ที่นอกจากจะต้องทนเห็นคู่รักมาสวีตกันนอกเคหะสถานแล้ว พอจะหลบเข้าโรงหนังก็ดันมีแต่หนังรักจ่อคิวกันรอบชนรอบและปีนี้ก็เช่นกันเพราะมีทั้งหนังเกี่ยวกับแฟนเก่าส์อย่าง ‘One for the road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ’ มีหนังเกาหลีอย่าง ‘A Man and A Woman’ ที่มีกงยูสามีแห่งชาตินำแสดงด้วย รวมถึงหนังที่เรากำลังจะพูดถึงอย่าง ‘Marry Me’ เรื่องนี้ด้วย

 

 

Marry Me เป็นเรื่องราวของ แคท วาลเดซ และศิลปินดาวรุ่ง บาสเตียน คู่รักเซเล็บที่เซ็กซี่ที่สุดในโลก ด้วยกระแสแรงเกินต้านของเพลง Marry Me ซิงเกิลฮิตของทั้งคู่ที่พุ่งทยานในทุกชาร์ต พวกเขาตั้งใจจะประกาศแต่งงานกันต่อหน้าผู้ชมที่ไลฟ์ไปทั่วทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ ระหว่างงานนั้นเอง แคท รู้ความจริงว่าถูกแฟนหนุ่มนอกใจไปคบกับผู้ช่วยของเธอเอง ชีวิตเธอเหมือนจะพังทลายอยู่กลางเวที เธอถามหาความหมายของความรัก ความจริงใจ และความซื่อสัตย์ เมื่อโลกทั้งใบของเธอพังลง

 

เธอกวาดสายตาและจับจ้องไปที่ใครคนหนึ่งท่ามกลางผู้คนแปลกหน้า นั่นก็คือ ชาร์ลี กิลเบิร์ต ครูสอนคณิตศาสตร์มัธยม พ่วงด้วยสถานพ่อหม้ายถูกลากไปงานคอนเสิร์ตกับ ลู ลูกสาว และเพื่อนสนิทของเขา ถ้าสิ่งที่รู้ดีอยู่แล้วทำให้ผิดหวัง บางทีสิ่งที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนอาจจจะเป็นคำตอบ วินาทีนั้นเองที่แคททำบางสิ่งที่ไร้สติอย่างการเลือก ชาร์ลี มาเป็นคู่แต่งงาน สิ่งที่เริ่มต้นจากความหุนหันพลันแล่นกลับกลายเป็นเรื่องโรแมนติกที่คาดไม่ถึง

 

รีวิว  Marry Me

 

แค่ดูพล็อตเรื่องก็ไม่ต้องคิดอะไรให้ซับซ้อนยุ่งยากอะไรเลย เพราะมันได้ตอบโจทย์ของมันเรียบร้อยแล้ว นี่อาจจะมาเป็นโครงเรื่องในแนวซินเดอเรลล่า คอมเพล็กซ์ แนวทวิสต์ หรือพวกเรื่องราวรักเพ้อฝันที่เรามักจะได้เห็นในหนังแนวนี้อยู่เรื่อยๆ แต่ก็นั่นแหละ Marry Me ก็พลอยทำให้เรารู้สึกคิดถึงถวิลหาย้อนกลับไปในช่วงยุครุ่งเรืองของหนังรอมคอม ช่วงยุคต้นๆ ปี 2000s อะไรทำนองนั้น มันทั้งซ้ำซากและน้ำเน่า แต่ไม่รู้ว่าทำไมกลับคิดถึง…

   ดูหนังออนไลน์ 

Marry Me เป็นหนังที่เบาบางมาก บางเชียบไปทุกอณูเลยก็ว่าได้ เป็นหนังที่ดูได้แบบปล่อยใจไปตามท้องเรื่อง แฮปปี้และยิ้มไปกับความซ้ำซาก และเอ็นจอยไปกับการแสดงอันเป็นมืออาชีพของ เจนนิเฟอร์ โลเปซ ที่นับว่าแบกหนังเรื่องนี้ไว้ได้แบบสบายๆ ไม่ต้องออกแรงอะไรเลย หรือจะฟังเพลงประกอบหนังที่แอบเพราะอยู่หลายเพลงอยู่เหมือนกัน และก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่โดดเด่นของหนังเรื่องนี้

 

 

รีวิว  Marry Me พล็อตเรื่อง

รีวิว  Marry Me

 

 

พล็อตของ ‘Marry Me’ เอาจริง ๆ มันคือหนังโรแมนติกคอมเมดีแบบไม่สนไม่แคร์ตรรกะใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ท่ามกลางความเวอร์วังและอภิมหาความบังเอิญมันกลับวกมาจิกกัดสังคมและวงการบันเทิงได้อย่างเจ็บแสบไม่เบา โดยศูนย์กลางของเรื่องคือตัวละครของเจโล หรือ เจนนิเฟอร์ โลเปซ (Jennifer Lopez) อย่าง แคต วัลเดซ นักร้องเพลงละตินที่แทบจะถอดแบบความเป็นเจโลมาเต็ม ๆ ทั้งการเป็นนักร้องเพลงป๊อปละตินระดับซูเปอร์สตาร์หรือการผ่านการแต่งงานและหย่าร้างมานับครั้งไม่ถ้วน

 

แต่แทนที่วัลเดซจะถอดใจ อยู่ดี ๆ นางก็คิดเมกะโปรเจกต์แต่งงานครั้งใหม่ในคอนเสิร์ตใหญ่ร่วมกับบาสเตียน (รับบทโดย มาลูมา Maluma) นักร้องหนุ่มละตินสุดเซ็กซี่ แต่หลังจากมีคลิปหลุดที่บาสเตียนแอบกินผู้ช่วยของวัลเดซระหว่างที่คอนเสิร์ตดำเนินอยู่ ปรากฎว่าวัลเดซกลับตัดสินใจด้วยอารมณ์ชั่ววูบประกาศแต่งงานกับ ชาร์ลี กิลเบิร์ต (รับบทโดย โอเวน วิลสัน Owen Wilson) ครูคณิตศาสตร์พ่อหม้ายลูกติดจนทั้งคู่ต้องรับมือกับบรรดาสื่อมวลชนและต้องหาคำตอบให้หัวใจตัวเองอีกครั้ง

 

   ดูหนัง 

 

จากที่เปรย ๆ ไป 2 ย่อหน้าที่แล้วว่าเรื่องราวของ ‘Marry Me’ ดูจะแฟนตาซีแบบไม่แคร์ตรรกะใด ๆ นั่นเป็นเพราะบทหนังไปหยิบเอากราฟฟิกโนเวลชื่อเดียวกันของ บ็อบบี ครอสบี (Bobby Crosby) มาดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วเรื่องราวแนวซุปตาร์มาตกหลุมรักกับคนธรรมดานี่ไม่ได้เป็นพล็อตใหม่แต่อย่างใด แต่พอได้ แคต คอโร (Kat Coiro) ผู้กำกับที่กำลังจะมี ‘She-Hulk’ ซีรีส์ซูเปอร์ฮีโรทางดิสนีย์พลัส มากุมบังเหียนหนังเลยออกมาเวิร์กมาก ๆ

 

คอโรก็ทำให้เห็นความมั่นอกมั่นใจในการกำกับทั้งการนำเสนองานภาพที่เล่นกับมุมมองที่คนดูคุ้นชินกับการดูไลฟ์สดบนโซเชียลมีเดียได้อย่างชาญฉลาดไปจนถึงการคุมจังหวะซีนตลกออกมาได้อย่างแม่นยำและนำเสนอซีนดราม่าออกมาได้พอดิบพอดีไม่ดึงให้หนังดูเอื่อยเฉื่อยเลย แม้ว่ามันจะสูญเสียความลึกซึ้งในซีนอารมณ์บางช่วงที่เจนนิเฟอร์ โลเปซพยายามปั้นอารมณ์มาก็ตาม

 

 

 

แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ทำให้บทหนังที่พยายามจิกกัดวงการบันเทิงที่เซเลบต้องถ่ายทอดความเรียลแบบจัดวางผ่านโซเชียลมีเดียต้องเสียของ และการเลือกมุมมองภาพไลฟ์สดให้ดูดิบก็ยังคอนทราสต์กับมุมมองของกล้องภาพยนตร์แบบจัดวางจัดไฟอย่างดีที่ตัดสลับให้เห็นเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างวัลเดซกับกิลเบิร์ตที่แม้จะแช่มช้าดูเรียบง่ายทว่าก็งดงาม อบอุ่น น่ารักจนเราอดลุ้นให้พวกเขาสมหวังกันในตอนจบไม่ได้

 

 

และในอีกแง่หนึ่ง ‘Marry Me’ ยังก้าวข้ามค่านิยมที่ผู้หญิงจะต้องรอให้ผู้ชายมาเป็นฝ่ายเลือกได้ด้วยการเปลี่ยนบทบาทของผู้หญิงอย่างแคต วัลเดซให้เป็นฝ่ายที่ดูเหมือนจะตามจีบและเลือกครูคณิตศาสตร์ธรรมดา ๆ อย่างชาร์ลี กิลเบิร์ต ด้วยสารพัดเซอร์ไพร์สที่ถ้าดูในหนังรอมคอมทั่วไป ส่วนใหญ่จะเป็นตัวละครฝ่ายชายที่ดูมีพาวเวอร์พอจะจัดหาของขวัญที่สำคัญต่อชีวิตคนรักแต่หนังกลับให้ฝ่ายหญิงเป็นคนทำแทนซึ่งก็ทำให้เห็นว่าตัวหนังดูมีความเป็นคนหัวก้าวหน้าไม่น้อยเลยทีเดียว

 

จุดสำคัญเลยที่คิดว่าเป็นหัวใจของหนังจริง ๆ คือการแสดงของโอเวน วิลสันกับเจนนิเฟอร์ โลเปซนี่แหละครับ หากใครเป็นแฟนคลับหรือเคยติดตามผลงานของทั้งคู่จะรู้เลยว่าแต่ละคนโดดเด่นในแนวทางตัวเองเหลือเกิน อย่างโอเวน วิลสันก็มัักจะเป็นดาราตลกจอมขโมยซีนที่ช่วงหลังมาขายฝีมือมากขึ้นและบทกิลเบิร์ตก็ดูจะเป็นการพลิกบทบาทให้วิลสันดูเป็นชายหนุ่มอบอุ่นแสนดีปน ๆ ความน่าเบื่อบ้างแต่ด้วยเสน่ห์ส่วนตัวแล้วรับรองว่าสาว ๆ น่าจะหลงรักเขาได้ไม่ยากเลย

 

 

 

นักแสดง

 

“โอเว่น วิลสัน” ยังคงทำหน้าที่ได้ดีในหนังแนวนี้ แม้ว่าเขาจะพยายามฉีกตัวเองไปเล่นหนังแนวอื่นๆ แต่สุดท้ายก็ยังคงกลับมาตายรังและทำได้ดีในหนังรอมคอมอยู่ดี และเมื่อได้ทั้ง 2 มืออาชีพมาผนึกกำลังกันในหนังเฉิ่มๆ เรื่องนี้ ก็ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นหนังรักที่คิดถึงมานานหลายปี เพราะเอาเข้าจริงๆ เราแทบจะไม่ค่อยได้เห็นหนังแนวนี้ได้มีโอกาสและมีพื้นที่จะออกฉายตามโรงหนังแล้ว

  ดูหนังออนไลน์ 

แต่จะว่าไป Marry Me ก็มีจังหวะและความคล้ายกับพวกหนังที่ฉายตามทีวีหรือหนังจอเล็กทางสตรีมมิ่ง เพราะได้ฝีมือการกำกับของ “แคท โคริโอ” ผู้กำกับสาวที่คร่ำหวอดกับงานกำกับงานทีวีซีรีส์และหนังทีวีมาหลายเรื่อง แต่ในครั้งนี้ได้ทุนสร้างที่สูงขึ้้นและงานสร้างที่ยิ่งใหญ่ขึ้น ทุกอย่างจึงดูใหญ่ขึ้นตามองค์ประกอบ แต่คิดว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หนังเรื่องนี้ก็แทบจะไม่มีใครสนใจจะเลือกชมในยุคนี้แล้วด้วยซ้ำ

 

ส่วนเจนนิเฟอร์ โลเปซนี่ไม่รู้พูดแบบนี้จะว่าผมใจร้ายหรือเปล่า แต่ด้วยส่วนตัวคิดจริง ๆ ว่าหนัง ‘Marry Me’ โชคดีมากที่ได้โลเปซตอนแสดงหนังเป็นแล้วมารับบทแคต วัลเดซครั้งนี้ ประการแรกคือได้ชื่อเสียงและลุคของนางมาเติมเต็มตัวละครให้ดูมีชีวิตแถมยังฝากเสียงร้องทรงพลังและท่าเต้นแซ่บ ๆ สมกับเป็นซุปตาร์ละตินเบอร์หนึ่ง แต่ประการต่อมาสำคัญมากคือบทหนังก็ดันเรียกร้องมากกว่าเสน่ห์ของโลเปซอีกในช่วงที่หนังโรแมนติกเรียกมันว่า “Boy lose girl” หรือกรณีนี้อาจเรียกได้ว่า “Girl lose Boy” คือช่วงที่คู่รักมีเหตุให้ต้องแยกทางกันนั่นแหละครับ เพราะซีนนั้นทั้งสายตาและอารมณ์ที่สื่อออกมามันทำให้เห็นเลยว่าโลเปซเข้าอกเข้าใจตัวละครจริง ๆ จนทำให้คนดูอินตามตัวละครนักร้องซุปตาร์คลั่งรักอย่างเธอได้แบบหมดหัวใจจริง ๆ

 

รีวิว  Marry Me

 

ทิ้งท้ายสำหรับใครที่ลังเลว่านี่จะเป็นหนังรักรอมคอมเลี่ยน ๆ เรื่องหนึ่งหรือเปล่าขอบอกเลยว่าตัวหนังตลกมากนอกจาก ซาราห์ ซิลเวอร์แมน (Sarah Silverman) ดาวตลกสุดเซ็กซี่และจอห์น แบรดลีย์ (John Bradley) ที่เราเพิ่งเจอเขาไปใน ‘Moonfall’ สัปดาห์ก่อนมาช่วยเพ่ิมสีสันให้หนังแล้ว หนังยังมีช่วงที่ให้พระเอกนางเองของเราได้เจอกับเด็ก ๆ ชมรมคณิตศาสตร์ของครูชาร์ลี กิลเบิร์ตที่ทั้งแสบและน่ารักมาก ๆ จนทำให้ ‘Marry Me’ เป็นหนังรอมคอมที่เติมเต็มให้วาเลนไทน์ปีนี้มีหนังรักดี ๆ ไม่เลี่ยนให้คู่รักได้บันเทิงกันทั่วถึงจริง ๆ

ดูหนัง   

 

เอาเป็นว่าในภาพรวมแล้ว Marry Me ก็่น่าจะเป็นหนังที่ถูกใจคอหนังรัก โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เติบโตมากับหนังรอมคอมในช่วงยุคปี 2000s เพราะเรื่องนี้คือตอบโจทย์ความคิดถึงเป็นอย่างยิ่ง และยิ่งในสมัยนี้หนังแนวๆ กลายเป็นหนังที่มักจะสร้างขึ้นและส่งตรงลงฉายสตรีมมิ่งกันหมดแล้ว เนื่องจากโอกาสที่จะประสบความสำเร็จบนบ็อกซ์ออฟฟิศช่างน้อยนิด แต่อย่างน้อยๆ เราก็ดีใจที่ได้มีโอกาสตีตั๋วดูหนังเรื่องนี้กับบรรยากาศที่คิดถึงในโรงหนังอีกครั้งเช่นนี้ ทั้งที่ตัวหนังไม่มีอะไรเลยก็ตาม…

 

จุดเด่น

หนังทำออกมาได้สนุกสนาน ได้ทั้งความโรแมนติกที่สาว ๆ น่าจะรัก และความฮาแบบหนุ่ม ๆ น่าจะชอบ

เจนนิเฟอร์ โลเปซ และ โอเวน วิลสัน คือหัวใจความสนุกทำให้ตัวละครมีเสน่ห์และคนดูอยากเอาใจช่วย

เพลงในหนังเด็ดทุกเพลง หนังจบมีออกมาเสิร์ชหาฟังกันแน่นอน

 

รีวิวหนัง      

 

จุดสังเกต

หนังไม่ได้แหกสูตรหนังโรแมนติกคอเมดี ดูไปไม่นานน่าจะพอเดาตอนจบได้ไม่ยาก

ดรามาบางช่วง เสียดายที่ผู้กำกับไม่ได้เน้น เลยทำให้แอ็กติงดี ๆ ของเจนนิเฟอร์ โลเปซ ถูกนำเสนอได้ไม่เต็มที่

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *