รีวิว Johnny English Strikes Again

รีวิว Johnny English Strikes Again

รีวิว Johnny English Strikes Again

 

คงไม่ต้องไปไล่เรียงถึงความเป็นมาในหนังภาคก่อนๆ หน้า ว่าสายลับในหนังสายฮาอย่าง จอห์นนี อิงลิช เคยไปทำวีรกรรมอะไรกันไว้บ้าง รวมไปถึงความสืบเนื่องเกี่ยวพันต่างๆ นานาของตัวละครตลอดจนพัฒนาการต่างๆ ของพวกเขา เพราะนี่ไม่ใช่งานที่เน้นความจริงจังมาตั้งแต่จุดกำเนิด ที่เป็นหนังล้อหนังสายลับ ซึ่งไม่่ต้องบอกก็คงเดาออกว่า มีหนังชุด James Bond เป็นตัวตั้ง

 

จากเรื่องแรกในปี 2003 – Johnny English หากก็สามารถก่อร่างสร้างตัวจนมีหนังภาคที่สอง Johnny English Reborn ในปี 2011 แล้วอีก 7 ปีต่อมาก็มี Johnny English Strikes Again ให้ได้ชมกัน

 

 ดูหนัง

รีวิว Johnny English Strikes Again เนื้อเรื่อง

 

เมื่อระบบความมั่นคงถูกแฮ็คจนสายลับในเอ็มไอเซเว่นถูกเปิดโปง นายกหญิงแห่งเกาะอังกฤษ (เอ็มมา ธอมป์สัน) ก็จำใจในระดับกล้ำกลืนฝืนทนเรียกตัว จอห์นนี อิงลิช (โรแวน แอตคินสัน) สายลับเพียงหนึ่งเดียวที่ยังไม่ถูกเปิดโปงมาสืบหาอาชญากรไซเบอร์ก่อนที่โลกจะถูกครอบงำด้วยบิ๊กดาต้าในมือของทรชน โดยมี โอฟีเลีย (โอลกา คูริเลนโก) สายลับสาวสุดร้อนแรงที่ไม่รู้ว่าเป็นมิตรหรือศัตรูคอยเป็นหอกข้างแคร่ในปฏิบัติการที่สายลับแห่งโลกอนาล็อคต้องต่อกรกับวายร้ายยุคใหม่โดยมีอินเตอร์เน็ตและความมั่นคงเป็นเดิมพัน

 

 

การกลับมาของสายลับจำเป็นอย่าง จอห์นนี่ อิงลิช เป็นครั้งที่ 3 ทิ้งห่างจาก Johnny English Reborn (2011) ภาคที่แล้วเพียง 7 ปีเท่านั้น แต่หนังยังคงมาในสูตรเดิมทั้งพล็อตที่่ต้องเริ่มจาก จอห์นนี่ อิงลิช คือสายลับที่ไม่มีใครต้องการแต่กลับกลายเป็นความหวังเดียวของอังกฤษที่คอยแต่จะสร้างปัญหาปวดหัวให้ทางการก่อนจะแก้ไขสถานการณ์ให้โลกสงบสุขได้แบบฟลุ๊คๆ

รีวิว Johnny English Strikes Again

 

ซึ่งโดยโครงเรื่องแล้วก็แทบไม่ต่างจากทั้ง 2 ภาคที่ผ่านมาที่เป็นการเล่นตลกท่าทางกึ่งวันแมนโชว์ของ โรแวน แอตคินสัน ที่เน้นเอาความเปิ่นความเฟอะฟะเกินจะเป็นสายลับได้มาสร้างเสียงหัวเราะให้คนดูได้หายคิดถึง มิสเตอร์บีน ซึ่งโรแวนก็ไม่ทำให้ผิดหวัง หลายมุกที่เหมือนจะไม่รอดพอได้จังหวะการเล่นตลกท่าทาง (comedy of manner) อันเป็นเอกลักษณ์ของเขาช่วยไว้ก็ทำให้คนดูได้ก๊ากดังๆได้หลายครืนอยู่นะ

 เว็บหนัง 

 

แต่สิ่งที่ภาคนี้ดูจะเน้นเป็นพิเศษคือการให้จอห์นนี่ อิงลิชเป็นตัวแทนสายลับฉบับอนาล็อคผู้ปฏิเสธสมาร์ตโฟนเพราะไม่อยากถูกติดตาม ขับรถแอสตัน มาร์ติน ที่ซดน้ำมันเป็นว่าเล่นแทนรถไฮบริดหรือการเรียกหาแต่แกตเจ็ตสุดล้ำที่เป็นทั้งอาวุธและเครื่องมือเสริมบารมี ซึ่งไม่ต้องเป็นคอหนังระดับฮาร์ดคอร์ก็คงพอเดาออกว่านี่คือภาพจำมาจากหนังสายลับสุดดังอย่าง เจมส์ บอนด์ โดยเฉพาะยุคอนาล็อคในสมัยฌอน คอนเนอรี หรือ โรเจอร์ มัวร์ รับบทพยัคฆ์ร้ายเจ้าเสน่ห์ในยุคที่ยังไม่มีสมาร์ตโฟนเครื่องเดียวทำได้ทุกอย่างเหมือนทุกวันนี้ ที่ทำให้เกิดแกตเจ็ตเท่ๆมากมายให้คนดูได้บริหารจินตนาการกันมากกว่าแค่จะกลายเป็นหนังขายของ SONY เหมือนหนังเจมส์ บอนด์ยุคหลัง

 

ประหนึ่งจะบอกว่าความล้าสมัยคือความดีงามอย่างหนึ่งของคนอังกฤษอย่าไปตามโลกมันมากนักเลย ให้ภาพนอสทัลเจีย (Nostalgia) รำลึกอดีตอันหอมหวานของหนังสายลับกันแบบโต้งๆเลยทีเดียว

 

ยิ่งไปกว่านั้นบทหนังเองยังมองเทคโนโลยีในแง่ร้ายแบบสุดขั้วจริงๆอย่างตัวผู้ร้ายเองก็แทบถอดแบบมาจาก มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก และใช้เทคโนโลยีบิ๊กดาต้าเป็นอาวุธสำคัญแทนที่นิวเคลียร์ในยุคสงครามเย็น และวางเดิมพันเป็นเสถียรภาพในการใช้อินเตอร์เน็ตของคนทั่วโลกก็ยิ่งให้ภาพเทคโนโลยีแบบดิสโทเปียชัดเจนมาก และยิ่งมีฉากที่ จอห์นนี อิงลิช ต้องมาใช้ VR ในการฝึกบุกรังผู้ร้ายแต่กลายเป็นการสร้างความวินาศให้ทางการไปเสียอีกเป็นการยืนยันอุดมการณ์ของหนังอย่างหนักแน่น

 

รีวิว Johnny English Strikes Again

นอกจากนี้ที่ยิ่งกว่าการที่ โรแวน แอตคินสัน มาเต๊ะท่าล้อเลียนเจมส์ บอนด์ แล้ว หนัง 2 ภาคหลังยังจงใจนำสาวบอนด์มาปรากฎตัวเพื่อให้เกิดภาพของการล้อเลียนชัดขึ้นไปอีก ในภาคที่แล้ว Reborn หนังได้ โรซามุนด์ ไพค์ จาก 007 Die Another Day (2002) มาแสดง ส่วนในภาค Strikes Again นี้หนังก็คว้า โอลกา คูริเลนโก จากเจมส์ บอนด์ภาค Quantum of Solace (2008) มารับบทสายลับรัสเซียสุดเซ็กซี่แบบที่เราเคยอยากเห็นเธอในหนังเจมส์ บอนด์แต่กลับผิดหวัง

 

 

จนกลายเป็นว่า Johnny English Strikes Again กลับทำให้เราสมหวังแทนโดยนำ โอลกา มารับบทง่ายๆโชว์เสน่ห์ทั้งหน้าตาและหุ่นสุดเซ็กซี่ให้หนุ่มๆได้กระชุ่มกระชวยกันไปประหนึ่งหนังจะบอกกับผู้สร้างเจมส์ บอนด์ว่าคนดูไม่ได้ต้องการดูหนังบอนด์เครียดๆนะเว้ย เขาอยากได้อะไรเดิมๆกลับมาดูอีกครั้งต่างหาก

 

ความรู้สึกหลังดู

 

ยอมรับว่าตอนแรกผมดู Johnny English Strikes Again ด้วยความคาดหวังว่าหนังมันจะฮาน่ะนะครับ แต่พอดูๆ ไปห้วงอารมณ์มันเกิดเปลี่ยนเป็นว่า “แวะมาเยี่ยมเพื่อนเก่า” ซะยังงั้น

เว็บดูหนัง   

ถ้าถามว่าหนังฮาไหม ตามความรู้สึกผมก็ตอบได้ว่ามันไม่ได้ฮาตรึมอะไรมากครับ คือหนังออกมาเป็นแนวเบาสมอง ดูได้แบบเรื่อยๆ มุกตลกก็กลางๆ ไม่ได้ฮาแตกอะไร บางมุกก็เป็นมุกเดิมๆ ที่หากใครเคยดู Mr. Bean หรือ Johnny English ภาคก่อนๆ มาก็น่าจะคุ้นเคยและเดาทางได้

 

 

อย่างพล็อตนี่ก็มาทางเดิมเลยครับ เกิดเรื่องใหญ่ระดับประเทศขึ้นจนส่งผลให้สายลับมือดีไม่สามารถออกปฏิบัติภารกิจได้ ทางการเลยต้องไปตามสายลับที่ปลดระวางไปแล้วอย่างจอห์นนี่ อิงลิช (Rowan Atkinson) ให้กลับมาสืบ พร้อมทั้งได้ลูกมือหน้าซื่ออย่างบัฟ (Ben Miller) ตามมาประกบคอยช่วยเหลือ แล้วระหว่างทางการสืบพี่จอห์นนี่ของเราก็ฝากความป่วนหายนะเอาไว้ตลอดทางครับ จนพูดได้ว่ากว่าภารกิจจะสำเร็จเนี่ย ชาวบ้านร้านช่องก็ลำบากไปหลายเจ้าเหมือนกัน 5555

 

รีวิว Johnny English Strikes Again

ถ้าพูดถึงตัวหนังแล้ว หนังอาจไม่ได้สนุกอะไรมากครับ เป็นหนังสายลับสายรั่วที่ดูได้เรื่อยๆ จุดที่ทำให้หนังพอจะน่าติดตามอยู่บ้างก็คือลีลาของ Atkinson แล้วก็บทสมทบของ Miller ขณะเดียวกันดาราเจ้าอื่นก็แสดงกันได้ดีครับ ไม่ว่าจะ Emma Thompson ในบทท่านนายกฯ ที่โวยได้ตลอดๆ, Olga Kurylenko สาวบอนด์ตอน Quantum of Solace ก็มาเป็นสาวอิงลิชในภาคนี้ บทเธออาจไม่เด่นแต่ก็พอเหมาะน่ะครับ ส่วน Jake Lacy ที่มาเล่นเป็น เจสัน โวลต้า ตัวร้ายประจำภาคก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีครับ เขาดูฉลาดและมาดดูดี (แต่บทจะพ่ายก็พ่ายเอาง่ายๆ ตามสูตรน่ะแหละ)

 

 

จุดที่ผมชอบมากในหนังคือดนตรีครับ ผลงานของ Howard Goodall คอมโพเซอร์ที่ทำดนตรีให้ Mr. Bean, The Black Adder แต่ไม่เคยทำดนตรีให้หนังชุด Johnny มาก่อน และพอเขาเข้ามาทำก็บอกได้เลยครับว่าดนตรีฟังดูมีพลัง เขาสามารถเอาธีมของภาคก่อนๆ มาเสริมเพิ่มลูกเล่น เพิ่มรสชาติให้กับหนังได้มากพอสมควร และที่สำคัญคือในบางเพลงนั้นแฝงไว้ด้วยความละมุนแบบพอเหมาะ สื่อถึงตัวตนของ จอห์นนี่ อิงลิชที่แม้จะป้ำๆ เป๋อๆ เฟอะๆ ฟะๆ แต่ก็มีมุมน่ารักกับเขาอยู่เหมือนกัน

รีวิวหนัง   

 

ดังนั้นหากถามว่าหนังน่าดูไหม ก็ต้องลองถามตัวเองก่อนน่ะครับว่าเราสนุกกับหนังชุดนี้ไหม หากภาคก่อนๆ ดูแล้วเฉยๆ มาภาคนี้ก็อาจเฉยเหมือนเดิม หรือถ้าคาดหวังว่ามันจะฮากลิ้งก็อยากให้เผื่อใจครับ

 

 

จริงๆ ผมอยากให้ท่านดูภาคนี้แล้วได้ห้วงอารมณ์เหมือนผมนะ คือเข้าไปดูเพราะพี่ Rowan Atkinson ดูดาราตลกที่เราคุ้นเคยมาทำท่ายึกยัก ป่วนปังพังข้าวของแบบขำๆ

 

 

มีอย่างหนึ่งที่ผมชอบในหนังเรื่องนี้นะครับ คือชอบที่หนังหาทางลงให้จอห์นนี่ อิงลิช คือเราจะรู้แต่ต้นแล้วใช่ไหมครับว่าจอห์นนี่ถูกปลดระวางจากตำแหน่งสายลับแล้ว และเขาก็ไปทำหน้าที่ครูครับ คอยสอนเด็กๆ ซึ่งผมชอบที่หนังเสนอให้เราเห็นว่าจอห์นนี่ก็มีความสุขกับการเป็นครูนะ เขาเข้ากับเด็กๆ ได้ และที่สำคัญคือเขารักลูกศิษย์ทุกคน ดูเป็นครูที่น่ารักดีน่ะครับ ซึ่งพอถึงตอนท้าย พอเสร็จภารกิจ จอห์นนี่ก็ได้กลับไปสอนเด็กๆ เหมือนเดิม เหมือนหนังจะบอกเราน่ะครับว่าในที่สุดแล้วสายลับจอมป่วน จอห์นนี่ อิงลิช ก็หาที่ทางของตัวเองเจอ… ดูจากตัวหนังรวมถึงข่าวต่างๆ แล้ว ก็เป็นไปได้สูงครับว่านี่จะเป็น Johnny English ภาคสุดท้าย ซึ่งอย่างน้อยการที่เราเห็นว่าบทสรุปของชีวิตจอห์นนี่คือได้เป็นครูที่รักเด็กและเด็กๆ รักนั้น มันก็ถือเป็นบทสรุปที่ดีเหมือนกันนะครับ

 

 

เปรียบกับเนื้อหาและสิ่งที่ตัวหนังเป็น ขณะที่จอห์นนี อิงลิชสายลับเชยๆ ต้องต่อสู้กับอาชญากรไซเบอร์ล้ำๆ หนังที่เต็มไปด้วยมุกตลกเจ็บตัว อารมณ์ขันแบบ Mr. Bean หรือดาวตลกแบบโรแวน แอ็คกินสัน ที่น่าจะพ้นสมัย ก็กำลังต่อสู้อยู่กับสารพัดภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยเทคนิคพิเศษ ความหวือหวา ทันสมัยต่างๆ นานาในโรงภาพยนตร์เหมือนกัน

ซึ่งหากว่ากันเฉพาะหนังตลกขายขำด้วยกัน Johnny English Strikes Again ก็ทำให้ได้ยิ้ม ได้หัวเราะมากกว่าหนังเบาสมองรุ่นใหม่ๆ หลายๆ เรื่องที่ว่าฮา ที่ว่าขำหลายๆ เรื่องด้วยซ้ำไป

 

ขอบคุณครับ Johnny English ที่ทำให้ผมมีความสุข มีรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะมาตั้งหลายปี

 

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *