รีวิว Fifty Shades Freed

รีวิว Fifty Shades Freed

รีวิว Fifty Shades Freed

 

 

 

และแล้ว มหากาพย์บทรักเจ็บเสียวในห้องแดง ก็ดำเนินมาถึงจุดไคลแมกซ์(ตามโฆษณา)เสียที หลังแนะนำเราให้รู้จัก คริสเตียน เกรย์ (เจมี ดอร์แนน) และ อันนาสเตเชีย (ดาโกตา จอห์นสัน) คู่รักเจ็บลึกที่สานสัมพันธ์กันมาทั้งในฐานะ คู่สัญญาเจ็บสวาทใน Fifty Shades of Grey (2015), แล้วพัฒนาจากความเปลี่ยวมาสู่ความรักใน Fifty Shades Darker (2017) จนมาถึง Fifty Shades Freed ภาคล่าสุด เมื่อชีวิตหลังแต่งงานของทั้งคู่ถูกทดสอบด้วยนิยามความเป็นครอบครัว และได้ลุ้นระทึกกับการตามล้างตามเช็ดของ แจ็ค อดีตหัวหน้าอันนาสเตเชียที่ถูกไล่ออกจากบริษัทไปในภาคที่แล้ว

 ดูหนัง

ยังคงสร้างความเสียวซ่านต่อเนื่อง เป็นอีกเรื่องที่คนดูอย่างเราไม่ควรคาดหวังอะไร ชวนคนรักรู้ใจหรือใครก็ได้อายุ 20+ เข้าไปดูมาฟินพระนางเข้าคู่อวดเรือนร่างเซ็กซี่ ลีลาเซ็กซ์เร้าร้อน ที่จัดเต็มแบบถี่ยิบเช่นเคย รวมถึงไปดูภาพสวยๆ เพลงดีๆ ดูเพลินกับสองนักแสดงหนักที่ขนเสน่ห์มาแบบล้นจอเช่นเคย มิสซิสเกรย์นี่แหละ ชีวิตที่ผู้หญิงหลายคนฝันอยากจะเป็น…  สวย เก่ง ชีวิตแสนสบาย วาสนาดี สามีหล่อรวยฯ

 

 

รีวิว Fifty Shades Freed เรื่องย่อ

Fifty Shades Freed  ภาพยนตร์ภาคต่อความสัมพันธ์ระหว่างแอนาสเตเชีย รับบทโดย ดาโกต้า จอนห์สัน และมิสเตอร์เกรย์ รับบทโดย เจมี่ ดอร์แน่น หลังจากภาคที่แล้วทั้งคู่ได้ตกลงแต่งงานกัน และในภาคนี้จะเป็นการออกไปท่องโลกฮันนีมูนให้แฟนหนังได้อิจฉาตาร้อนผ่าว รวมถึงล้วงลึกเข้าไปถึงอีกด้านของจิตใจของคุณเกรย์

 

รีวิว Fifty Shades Freed

 

สิ่งหนึ่งที่ควรทำความรู้จักกับหนังชุด Fifty Shades คือแม้มันจะเอาเซ็กส์แบบ BDSM (Bondage , Discipline, Sadism, Masochism) มาเป็นจุดขายแต่การนำเสนอก็ไม่ได้รุนแรงแบบถึงเลือดถึงเนื้อเหมือน In The Realm of the senses (1976) หนังญี่ปุ่นที่ถือเป็นบิดาแห่งหนังทางนี้ ตรงกันข้ามสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงทั่วโลกดูจะคลั่งนิยายและหนังชุดนี้คงเป็นแฟนตาซีโรแมนติกชวนเพ้อเรียกง่ายๆนี่คือ ซินเดอเรลลาฉบับซั่มสวาทที่เปลี่ยนจากเจ้าชายมาเป็นหนุ่มหล่อมหาเศรษฐีคลั่งเซ็กส์แบบเจ็บๆ และนางซินก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก อันนาสเตเชีย ที่ค่อยๆถูกเปลี่ยนจากนักศึกษาแต่งตัวบ้านๆสู่ชีวิตครอบครัวไฮโซที่สาวๆสามารถเพ้อฝันเอาตัวเองไปแทนที่หล่อนเพื่อตอบสนองความสุขทางใจได้ ดังนั้นฉากเซ็กส์ต่างๆในหนังจึงถูกถ่ายทอดออกมาให้ชวนปรารถนามีทั้งความสวยงามของเรือนร่างนักแสดงและบทพูดที่ค่อยๆเปิดเปลือยให้เห็นว่าแท้จริงแล้ว คริสเตียน เกรย์ ไม่ได้ไร้หัวใจอย่างที่เห็น (แหม่นึกถึงคาแรกเตอร์ เคน ธีรเดช ในละครหลายเรื่องเลยไหมล่ะ ฮ่าาา)  ดังนั้นหากใครจะหวังเห็นฉากถึงเนื้อถึงตัว โซ่ แส้ กุญแจ มือ เฆี่ยนตี บุกตะลุยกันถล่มทลาย นี่ไม่ใช่หนังของคุณแน่นอน

 

 

ข้อดีหลักๆของ Fifty Shades Freed เลยคือภาคนี้มันมีจุดขัดแย้งที่ทำให้เรื่องน่าสนใจ แม้อาการหึงหวงแบบหนังภาคก่อนๆจะยังมาสร้างความลำไยอยู่บ้างแต่พอภาคนี้มีการตามล้างแค้นของแจ็ค  ไฮด์ (อีริก จอห์นสัน)เลยทำให้เรื่องราวมีอารมณ์ ทริลเลอร์เรียกค่าไถ่ มีฉากแอ็คชั่น มีการสืบสวนสอบสวน น่าจะทำให้เหล่าหนุ่มๆที่ถูกลากไปดูไม่เซ็งเกินไป ควบคู่ไปกับบทเรียนชีวิตคู่ทั้งการสร้างครอบครัว ความไว้เนื้อเชื่อใจหลังแต่งงาน ที่หนังบอกเล่าได้หนักแน่นดีตามที่บทพอจะเอื้ออำนวยก็ทำให้หนังภาคนี้ไม่เบาบางด้านสาระเหมือนสองภาคก่อนหน้า และแน่นอนว่าภาคนี้ยังคงจัดเต็มเพลงประกอบเพราะๆคลอเคล้าสร้างความโรแมนติกชวนเพ้อฝันได้ดีเช่นเดิม รวมถึงหากวาเลนไทน์นี้ไม่รู้จะสรรหาความแปลกใหม่ของเกมรักอย่างไรดี หนังก็น่าจะเป็นครูที่ดีได้พอสมควรและน่าจะทำให้สาวๆกล้ารุกหนุ่มๆมากขึ้นเพราะภาคนี้ อันนาสเตเชียไม่รู้หิวมาจากไหน เอะอะ ‘ขอยิ้ม’ ตลอดไม่ว่าโกรธ เสียใจ โดยเฉพาะอาการ ‘หิวกลางดึก’ ที่นางทำให้ “ไอศกรีมรสมินต์” เป็นไอเทมสวาทประจำปีได้เลย

 

รีวิวหนัง   

จุดบอดของหนัง-แน่นอนล่ะจากสถิติการเข้าชิงทั้งหนังยอดแย่ และนักแสดงยอดแย่เวทีแรซซี่อวอร์ดก็น่าจะการันตีหายนะด้านการแสดงได้ประมาณหนึ่งแล้ว แต่เอาล่ะ เราจะมองข้ามความสากกะเบือของนักแสดงไปก่อน แล้วไปพูดถึงฉากโจ๊ะพรึมๆแทน (ข้ามไปได้ไงวะเนี่ย ฮ่าาาา) แน่นอนล่ะว่าของเล่นหลายอย่างไม่ได้ถูก ‘รีวิว’ ในหนังสองภาคก่อน ภาคนี้เลยขอจัดเต็มแบบล้างสต็อคทั้งเครื่องสั่น เครื่องสอด ให้พอเสียวๆ แถมยังตัดสลับกับภาพนังอานัสเตเชียนั่งฟินกัดริมฝีปากในออฟฟิศไม่ทำงานมุ่งทำรักอย่างเดียวให้จั๊กกะจี้กันเล่นๆ อ้าว! แล้วฉากเซ็กส์เยอะๆไม่ดียังไงล่ะ- คำตอบก็คือแม้จะมาเยอะ เล่นกันหนักกว่าเดิม แต่ทั้งจังหวะจะโคนที่หนังใส่เข้ามาแบบไร้เหตุผลแถมมาแบบกะปริบกะปรอยอย่างกับฉี่แมวเงี้ยก็ค่อยฟินนักหรอก ยิ่งพระ-นางคู่เดิมเราก็หมดความตื่นเต้นเพราะได้เห็นทั้งคู่อวดเรือนร่างกันมา 2 ภาคแล้วแถมการแสดงของทั้งคู่ในฉากเข้าจังหวะก็ไม่ได้สมจริงอะไรนัก หน้า ดาโกต้า จอห์นสัน ก็ยังเหยเกในองศาเดิม ส่วน เจมี ดอร์แนน ก็ไม่สามารถแสดงความรู้สึกมาทางสีหน้าได้สักฉาก ฮีเลยครางเสียงต่ำๆแทนจนพาลหมดอารมณ์เสียเปล่าๆ

 

แถมจุดที่น่าเสียดายมากในภาคนี้คือการใส่ตัวละคร เจีย แมทเทโอ สถาปนิกจอมแอ๊ว (รับบทโดย เอเรียล แคบเบล ดาราซีรีส์ผมทองสุดเซ็กซี่) เข้ามาในเรื่องในฐานะบทพิสูจน์รักแท้ของคู่รักสกุลเกรย์ แถมในตัวอย่างยังมีฉาก “ตรวจบ้าน” ที่แซ่บด้วยการเชือดเฉือนระหว่างเธอ กับ แอนนาสเตเชีย แต่จนแล้วจนรอดตัวละครอย่าง เจีย กลับโผล่มา 2 ฉากและไม่ได้บทบาทอะไรกับเรื่องเลย ทั้งที่เปิดตัวได้น่าสนใจแถมกลางๆเรื่องยังมีประเด็นว่า หล่อน ไปยุ่มย่ามกับ เอเลียต เกรย์(ลุค ไกรมส์) คนรักของเคต (เอโลอิส มัมฟอร์ด) เพื่อนรักของเธออีกแหนะ แต่ทุกอย่างก็ถูกคลี่คลายอย่างรวดเร็วไม่ได้มีอะไรในกอไผ่เลยจนการมีอยู่ของเธอกลับไร้ความหมายต่อเรื่องราวจนน่าเสียดายเลยทีเดียว

รีวิว Fifty Shades Freed

 

ถึงแม้ไตรภาคหนังรักแบบโซ่ แส้ กุญแจมือเรื่องนี้จะเริ่มต้นด้วยความเป็นเทพนิยายของหญิงสาวโลกสดใส กับชายหนุ่มมหาเศรษฐีรูปงามผู้หลงใหลในเซ็กซ์แบบ SM แต่เมื่อหนังเดินทางมาถึงการตัดสินใจแต่งงานในท้ายเรื่องของหนังภาคที่ 2 เทพนิยายแสนหวานควรจะจบลงตั้งแต่ตรงนั้น แต่ Fifty Shade Freed สานต่อเรื่องราวจากจุดนั้น

 

สำหรับการแต่งงานคือจุดเริ่มต้นของชีวิตคู่ แน่นอนว่าข้าวใหม่ปลามันอย่างแอนาสเตเซีย (ดาโกต้า จอห์นสัน) และคริสเตียน เกรย์ (เจมี่ ดอร์แนน) พวกเขาอาจจะยังไม่ได้ “ใช้ชีวิต” ร่วมกันแบบจริงๆ จังๆ เหตุการณ์ที่ผ่านๆ มานั้น พวกเขาแค่เรียนรู้พฤติกรรมบางอย่างของฝ่ายตรงข้ามมากกว่า

 

ชีวิตหลังแต่งงานไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อต่างฝ่ายต่างเริ่มที่จะ “คาดหวัง” ในตัวของอีกคนมากขึ้น คริสเตียนอย่างให้แอนาสเตเซียอยู่ที่เพนท์เฮาส์สบายๆ ใช้ชีวิตเหมือนแม่บ้านไฮโซ ที่มีสามีหาเลี้ยง (จริงๆ เธออยู่เฉยๆ ก็มีกินเสวยสุขไปทั้งชาติ) แต่เพื่อเติมเต็มคุณค่าให้กับชีวิต หญิงสาวอย่างแอนาสเตเซียก็เลือกที่จะกลับไปทำงานที่สำนักพิมพ์ในฐานะบรรณาธิการต่อไป ท่ามกลางความเห็นค้านของสามี

 

เช่นกันฝั่งแอนาสเตเซียก็คาดหวังที่อยากจะมีโซ่ทองคล้องใจกับคริสเตียน เมื่อฝ่ายหญิงอยากจะมีลูก แต่ฝ่ายชายกลับไม่พร้อมเพราะเขาคิดว่าตัวเองนั้นไม่สามารถจะเป็นพ่อที่ดีได้ เขาจึงพยายามบ่ายเบี่ยง เปลี่ยนเรื่องคุยทุกครั้ง

 

ปัญหาชีวิตครอบครัวยังไม่จบ ปัญหาคาราคาซังก็ยังคงหวนกลับมาหลอกหลอน เมื่อแจ็ค ไฮด์ (เอริค จอห์นสัน) นายเก่าของแอนาฯ ตามอาฆาตและพยายามทำลายชีวิตคู่ของทั้งสองในทุกวิถีทาง เพียงเพราะเขามองว่าถ้าหากตัวเขาเองไม่มีความสุข คนที่เขาไม่ได้ครอบครองก็ต้องไม่มีความสุขด้วยเช่นกัน

 

เรื่องราวอุปสรรคที่เกิดขึ้นกับคู่พระนางยิ่งกลายเป็นเครื่องพิสูจน์ความรักของทั้งคู่ไปอีกระดับ หนังภาคนี้ฉากเซกส์จึงให้ความรู้สึกอบอุ่น ขี้เล่น มีเสน่ห์มากขึ้น และในขณะเดียวกันเรายิ่งรู้สึกร่วมไปกับสองตัวละครนี้มากกว่าเดิมด้วยเช่นกัน (แม้ว่าหนังภาคนี้จะถ่ายทำพร้อมกับตอนภาค 2 ก็ตาม)

เว็บดูหนัง   

เมื่อหนังเดินทางมาสู่บทสรุป (ที่คาดเดาไม่ยากเย็นนัก) ท้ายที่สุดแล้วแม้ว่าเหตุการณ์หลังแต่งงานเหมือนจะพยายามดึงผู้ชมให้ก้าวสู่โลกของความเป็นจริง ด้วยการทำให้เราเห็นถึงจุดเริ่มต้นชีวิตคู่ แต่เราอย่าลืมว่า หนังเรื่องนี้ก็ยังวนเวียนอยู่บทความแฟนตาซี ที่ผู้หญิงหลายคนใฝ่ฝันอยากจะเจอคู่แท้แบบคริสเตียน เกรย์ ที่นอกจากจะร่ำรวยเงินทอง หน้าตาหล่อเหลามีเสน่ห์ และเซกส์ที่ชวนตื่นเต้นเร้าใจ

 

รีวิว Fifty Shades Freed

บทวิจารณ์

 

เป็นการจบภาพยนตร์ไตรภาคที่มีสาวๆ ทั่วโลกคอยติดตามได้เป็นอย่างดี และคงทำให้พวกเธอฟินสุดๆ ต้อนรับวาเลนไทน์ แต่ถ้าจะให้พูดถึงแง่ของความซื่อสัตย์ต่อตัวหนังแล้ว เราว่ามันอาจจะมีการบิดเบือนอยู่เล็กน้อย เพราะเป็นที่รู้ๆ กันอยู่ว่า ภาพยนตร์ในชุดของ Fifty Shades นั้นถูกสร้างขึ้นมาจากหนังสืออีโรติก แต่ Freed กลับไม่ได้ดูสยิวสมกับประเภทเท่าที่ควร มันกลับมีความรักที่แสนที่ลึกซึ้งเข้ามาแทนที่ จริงๆ แล้วรู้สึกเลยว่ามันต้องถูกจัดประเภทให้เป็นหนังโรแมนติกถึงจะถูกต้องมากกว่า อย่างไรก็ดี การถ่ายทอดเรื่องราวที่สวยงามทำให้คนดูประทับใจได้ ไม่ว่าทีมงานจะทำหนังถูกหรือผิดคอนเซป ก็นับได้ว่าประสบความสำเร็จในการทำหนังแล้ว

 

 เว็บหนัง  

จากการเข้าชมภาพยนตร์เรื่อง Fifty Shades Freed ฟิฟตี้เชดส์ฟรีด นั้น พบว่ากลุ่มคนดูส่วนใหญ่เป็นสาวๆ จากรั้วมหาวิทยาลัยและวัยทำงาน ที่รวมกลุ่มกันมาชื่นชมความหล่อเท่ และมัดกล้ามที่เคยเผยเอาไว้ในภาคที่แล้วมีคุณเกรย์ ส่วนผู้ชายเลือกดูหนังเรื่องนี้น้อยมาก และผู้ชายเกือบทุกคนที่มาชมภาพยนตร์เรื่องนี้ มักจะหนีบแฟนมาดูด้วย ปฏิกิริยาของสาวๆ หลังชมภาพยนตร์ค่อนข้างดี แต่ผู้ชายส่วนใหญ่จะหน้านิ่งๆ หลังจากสอบถามแล้วพบว่าฉากในภาพยนตร์อาจจะไม่ถึงพริกถึงขิงสักเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับหนังผู้ใหญ่ที่พวกเขาชมกันตามปกติ

 

 

เนื่องจากทีมงานผู้ผลิต Fifty Shades Freed ฟิฟตี้เชดส์ฟรีด นั้นทุ่มเทในการทำงาน ฉากสวย โลเกชั่นดี พล๊อตมีความน่าสนใจ เราคาดว่าคุณคงชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ไม่ยาก แต่ถ้าคาดหวังว่าจะมาดูฉากร่วมรักโดยเฉพาะ เราบอกได้เลยว่าได้ดูแน่ แต่อาจจะไม่ได้มันหลุดโลก หรือพิสดารอย่างที่คุณจินตนาการเองไว้สักเท่าไหร่นัก

 

 

 

สรุปเลยแล้วกันว่าสำหรับแฟนๆหนังชุด Fifty Shades ในภาคนี้ก็ยังมีทุกอย่างที่น่าจะทำให้ชื่นชอบได้ไม่ยาก แถมพ่วงด้วยอารมณ์ทริลเลอร์ที่พอให้ลุ้นระทึกกันเบาๆ แถมยังติวบทรักพิสดารที่ได้ทั้งโภชนาการจาก ไอศกรีมรสมิ้นต์ และเหล่าเครื่องสอด เครื่องสั่น ต่างๆ แบบล้างสต็อคกันเลยทีเดียว แต่หากคุณไม่ใช่แฟนหนังชุดนี้ เป็นคนโสดเปลี่ยวร้างมานาน หนังเรื่องนี้อาจฆ่าคุณด้วยบทรักหวานๆเลี่ยนๆได้อย่างเลือดเย็นเลยเชียวแหละ

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *