รีวิว  daybreak

รีวิว  daybreak

รีวิว  daybreak

 

Daybreak  ชีวิตจะเป็นยังไงนะหลังวันสิ้นโลก คงไม่เหมือนที่เราคาดไว้หรอก เรื่องราวของจอชและผองเพื่อนหลังวันสิ้นโลก ที่โลกนี้เหลือแต่วัยรุ่น พวกเขาจะใช้ชีวิตกันแบบไหน ในเมื่อไม่มีผู้ใหญ่มาเจ้ากี้เจ้าการให้ทำอะไรอีกต่อไป

 

 

รีวิว  daybreak เนื้อเรื่อง

รีวิว  daybreak หลังเหตุการณ์นิวเคลียร์ถล่ม จอช วีลเลอร์ (โคลิน ฟอร์ด) มุ่งมั่นที่จะออกตามหา แซม (โซฟี ซิมเนต) สาวคนรักที่ยังไม่ทันได้ไถ่โทษความผิดที่ตัวเองก่อขึ้น และระหว่างทางเขาก็ได้พบกับ เวสลีย์ (ออสติน ครูต) ซามูไรนักกีฬาฟุตบอลผิวสีที่มีความลับบางอย่างปกปิดไว้ แองเจลิกา (เอลิเวีย เอลิน ลินด์) สาวน้อยเจ้าปัญหาผู้ชอบระเบิดสิ่งของเป็นชีวิตจิตใจ อีไล (เกรกอรี คาซิอัน) หนุ่มเนิร์ดที่หวังยึดครองห้างไว้เสวยสุขคนเดียว และ มิสครัมเบิล (คริสตา รอดริเกวซ) ครูสาวผู้กลายเป็นปอบ แต่อุปสรรคของจอช ไม่ได้มีเพียงเหล่าผู้ใหญ่ที่กลายเป็นปอบหิวเนื้อคนเท่านั้น แต่ยังมีทั้ง เทอร์โบ (โคดี เคียสลีย์) หัวหน้าเผ่ากีฬาที่หวังกำจัดเขา รวมถึงเจ้าแห่งปอบในตำนานอย่าง แบรอน ไทรอัมพ์ ที่หลายคนเกรงกลัวหนังฝรั่ง netflix รัก        

 

 

ข้อมูลทั่วไป

เดิมที  Daybreak เป็นกราฟิกโนเวลของ ไบรอัน ราล์ฟ ที่ได้ตามมาเขียนบทให้ฉบับซีรีส์ด้วย โดยเรื่องราวก็ดูจะได้แรงบันดาลใจจากหนังซอมบี้ อย่าง Dawn of the dead ของ จอร์จ เอ โรเมโร ผสมกับ งานดีไซน์ที่แทบจะถอดแบบ Mad Max : The Road Warrior มาเขย่ารวมกับเรื่องราวการตามหาคนรักในวันสิ้นโลกที่ทั้งโรแมนติกและกาวสุดขั้วไปในคราวเดียวกัน โดยซีรีส์ได้ แบรด เพย์ตัน ที่เคยกำกับหนัง “เดอะร็อค” ทั้ง San Andreas, Journey 2 และล่าสุดคือ Rampage มากุมบังเหียนทั้งร่วมเขียนบทกำกับ 2 ตอน และ นั่งแท่นอำนวยการสร้างบริหารร่วมกับ โทนี อีไล โคเลต ซึ่งก็พอการันตีได้ระดับหนึ่งว่าหนังจะออกบันเทิงแน่นอน โดยสิ่งที่ถือเป็นจุดเด่นในการเล่าเรื่องของซีรีส์ได้แก่ การทำลายกำแพงที่ 4 ของตัวละคร หันหน้ามาพูดกับคนดูโดยตรง ซึ่งตรงกับคอนเซปต์Ferris Bueller’s Day Off  ฉบับโลกแตกที่ เพย์ตันวางไว้ เพราะไอเดียการพูดกับคนดูของตัวละคร แมตธิว โบรเดอริก ในหนังดังของจอห์น ฮิวจ์ เรื่องนั้นได้ถูกนำมาให้ จอช วีลเลอร์ ใช้สื่อสารกับคนดู รวมไปถึงตัวละครอื่น ๆ ในตอนต่อมาด้วย ซึ่งก็ถือว่าเข้ากับหนังที่มีวัยรุ่นเป็นตัวดำเนินเรื่องหลักแบบ Daybreak อยู่ไม่น้อยเลย รวมถึงการเล่นกราฟิกตัวหนังสือบนจอ เพื่อเล่นมุก ชวนสังเกต หรือกระทั่งการนำเสนอฉากเดิมซ้ำอีกรอบแต่เปลี่ยนรายละเอียดก็นับว่าเป็นวิธีอันชาญฉลาดไม่น้อยเลยทีเดียว

  ดูหนังออนไลน์     

 

ต้องเตือนกันก่อนเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นแนวหนังคัลท์ ดังนั้นต้องทิ้งตรกะเหตุผลทุกอย่างกองไว้นอกสมองก่อนตัดสินใจดู และถึงจะตัดสินใจดูก็ใช่ว่าจะเข้าใจหรือรู้เรื่องทันมุกนอกเรื่องต่างๆ ที่หนังหยิบจับเอามาผสมยัดปั่นรวมกันเป็นโกโก้ครั้นช์มาให้คนดูได้เสพแบบมึนๆ งงๆ เอ๋อๆ ไปกับเรื่องราวที่มันบ้าบอมากๆ แบบใครทนดูความบ้าพวกนี้ไม่ไหวอาจจะได้อาการไมเกรนแถมให้ฟรีระหว่างดูอีกด้วย หนังแนะนำ

 

 

 

หนังเหมาะกับวัยไหน

ในเมื่อหนังดูเข้าใจยากแบบนี้ แล้วหนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร? ถ้าดูจากหน้าหนังคงคิดว่าก็แน่ล่ะสิหนังเขาไว้ให้วัยรุ่น Gen ใหม่ดู แต่เอาจริงๆ ไม่น่าจะใช่ทั้งหมด เพราะหนังเลือกหยิบอะไรที่แบบโหย…คลาสสิคเก่าแก่ของยุค 80s-90s มาเล่นแบบจริงจังผสมลงไปในเรื่องหลายอย่าง อย่าง การ์ดเกม MTG (Magic the Gathering), Mad Max, Pokemon มิวทู, ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง, ซามูไรพ่อลูกอ่อน อะไรพวกนี้ ซึ่งคน Gen ใหม่วัยใสก็คงมึนแน่นอนว่ามันคืออะไร ยังไง จะขำดีไหม? แถมหนังไม่ได้คิดจะอธิบายว่าพวกนี้คืออะไร ยังไง แบบไหน ให้กับคนดูเสียด้วยซ้ำ เหมือนเป็นงานที่ผู้กำกับรับเงิน Netflix มาผลาญๆๆ เอาความมันส์ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง ไม่ต้องมาเกรงใจคนดูตามไม่ทัน ปั่นรื่องราวหนัง เกม ของเล่น ทั้งเก่าและใหม่มายัดรวมกันให้เป็นเรื่องราวแหวกแนว กะให้เท่ แต่มันก็ไม่ได้ออกมาเท่แบบที่คิดเสมอไป….    ดูหนังฟรี 

 

 

แต่ช้าก่อน! อย่าพึ่งคิดว่าหนังเรื่องนี้ห่วยแตก ดูยาก ไม่มีดีอะไรแบบนั้น กลับกันต้องบอกว่า เฮ้ย ถ้าคุณดูทัน หรือพยายามไม่คิดอะไรเป็นเหตุเป็นผล หนังมันก็มีดีในตัวแบบคาดไม่ถึงเหมือนกัน แถมด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวที่แอบรักหนังเรื่องนี้ได้เลยเช่นกัน

 

หนังโฟกัสไปที่เด็กๆ ที่เหลือรอดใช้ชีวิตแต่งองค์ทรงเครื่องแบบ Mad Max เล่นแบ่งเผ่า ก๊วน แก๊งค์ อะไรไปตามเรื่อง ซึ่งก็ไม่พ้นต้องมีความดิบโหดแบบตลกเลือดสาดหน่อยๆ  แทรกตัดสลับกับแฟลชแบ็คย้อนเรื่องราวไปในในชีวิตก่อนวันที่โลกล่มสลายจากหัวรบจรวดบอมบ์ลงทั่วโลก ซึ่งหนังเลือกไม่เล่าอะไรตรงนี้ในตอนแรกทั้งสิ้น และคนดูก็ไม่ต้องไปสนใจด้วย เพราะเรื่องราวจริงๆ คือการใช้ชีวิตวัยรุ่นแบบเดิมๆ เพิ่มเติมคือโลกล่มสลาย ทำให้ไม่มีกฎเกณฑ์ของสังคมอะไรมากรอบชีวิตพวกเขาอีกต่อไป อย่างว่าล่ะน่ะเอาจริงๆ นี่มันก็เหมือนฝันชัดๆ หนังเสียดสีได้ตรงจุดเหมือนกันในแง่ที่ว่า ถ้าโลกมันเละ แล้วทำไมต้องซีเรียส ใช้ชีวิตให้มันส์สุดเหวี่ยงไปไม่ดีกว่าหรือ! ซึ่งช่วง 3 ตอนแรกนี่แหละทำเอาผมปวดกบาล เพราะหนังดูง่อยๆ สเปะสะปะไร้ทิศทางมาก เหมือนต้องมาทนดูหนังแย่ๆ โครงเรื่อง Mad Max ที่มีพระเอก “จอช” วิ่งไล่ตามหาแฟนที่หายไป แล้วก็ต้องไปสู้กับเผ่าต่างๆ แบบง้องแง้งปัญญาอ่อนสิ้นดี หนังแนะนำ

 

 

รีวิว  daybreak

 

แต่พอเข้าตอนที่ 4 หนังเริ่มมีอะไรใส่เข้ามาแบบ เฮ้ย…ดีว่ะ คือดูแล้วแทบไม่น่าเชื่อว่าหนังพาเรื่องราวกลับมาจุดที่เป็นผู้เป็นคน และก็เป็นอะไรที่ซึ้ง แถมยังพลิกผันให้เรื่องราวกลับมาดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ หนังเปลี่ยนตัวเองฉับพลันกลายเป็นว่าเรื่องราวใน 3 ตอนแรกกับช่วงหลังตอน 4 ไปคนละโทน จากแนว Mad Max วัยรุ่นบ้าบอไร้สาระ กลายมาเป็นการเติบโตทางความคิด พร้อมเปลี่ยนทิศทางหนังไปแนว Coming of Age ให้กับทุกตัวละครได้หน้าตาเฉย ซึ่งทำออกมาดีเสียด้วยสิ แถมด้วยฉากจบตอน 4 ที่เป็นอะไรแบบ…มันเกย์มาก แต่คือดีย์ด้วยเช่นกัน (ถ้าใครเคยดูซีรีส์  Netflix ประจำคงเห็นว่าพยายามให้หนังมีความหลากหลายในเรื่องเพศ LGTB สูง) ซึ่งหนังพร้อมจะพาประเด็นเรื่องราวข้อคิดดีๆ ทิ้งท้ายจากตอนนี้ไปต่อในตอนต่อๆ ไป หนังแทบจะทิ้งเรื่องราวความบ้าคลั่งมั่วๆ แบบ 3 ตอนแรกไปเลย กลายมาเป็นหนังมู๊ดใหม่โทนใหม่ ซึ่งถ้าใครทนดูมาถึงตรงนี้ได้ เรียกว่าน่าจะดูต่อจนจบได้แน่แล้วเช่นกัน Daybreak season 2

 

แต่…(ขออีกรอบ) ก็ไม่ใช่ว่าหนังจะกลับมาดูง่ายสบายๆ เพราะหลังจากนั้นหนังเน้นเล่นเรื่องราวของแต่ละตัวละครแบบเจาะลึกเข้าไปในหัวสมอง สร้างออกมาเป็นจินตนาการเพี้ยนๆ จนหนังมีอารมณ์มู๊ดโทนการนำเสนอรื่องราวแบบขึ้นๆ ลงๆ ตีลังกาเป็นรถไฟเหาะกันเลยทีเดียว ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่แค่จอชที่เป็นพระเอกมีบทเด่นคนเดียว เอาจริงๆ เพื่อนพ้องน้องพี่ หรือแม้แต่ศัตรูของจอชก็มีเรื่องราวแยกแบบละเอียดให้ดูกัน แถมทำได้น่าสนใจกว่าของพระเอกเองซะอีก (ที่มันน้ำเน่ามากๆ กับการตามหาสาวคนรักที่หายไปในโลกดิสโทเปีย) หนังพาไปพบกับเรื่องราวของตัวละครเด่นๆ ในเรื่อง แล้วก็ทำให้เราเข้าใจอะไรมากขึ้น ผูกพันกับพวกเขามากขึ้น โดยมีคอนเซ็ปต์ชัดเจนที่ว่าพวกเขาเหล่านี้จริงๆ ก็ยังเป็น “เด็ก” ที่ลึกๆ แล้วก็โหยหา “ผู้ใหญ่” ที่เป็นพ่อแม่ผู้ปกครองไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งหนังทำออกมาได้ดีทีเดียวกับประเด็นของแต่ละคน กลายเป็นส่วนที่ซึ้งเล็กๆ เต็มไปด้วยมิตรภาพและความอบอุ่นน่ารัก ทำให้ต้องมองหนังเรื่องนี้ใหม่หลายตลบเลยทีเดียว Daybreak Season 1

 

แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่เด็กเป็นบทเด่น หนังสอดแทรกตัวละครผู้ใหญ่ไว้ในเรื่องด้วย ซึ่งมีทั้งแฟลชแบ็คกลับไปตอนโลกเป็นปกติ และผู้ใหญ่ในโลกล่มสลายหลงเหลืออยู่ด้วย ซึ่งจะกลายมาเป็นตัวละครที่เซอร์ไพรส์หลายอย่างในเรื่องไปจนจบ แถมเปิดเรื่องราวจากหนังซอมบี้อาจจะกลายเป็นหนังที่มีอะไรเหนือธรรมชาติมากกว่านั้นอีกก็ได้ในซีซั่นต่อไป

 

รีวิว  daybreak

 

รีวิว  daybreak ความรู้สึกหลังดู

รีวิว  daybreak แม้หนังจะมีเรื่องราวความรัก มิตรภาพ ในโลกวุ่นๆ บ้าบอคอแตกแบบโอเครับได้ สนุกอยู่ แต่ข้อเสียของหนังอย่างจังๆ คือความคัลท์แบบไม่สนใจคนดู ซึ่งหนังเลือกทางสุดโต่งไปหน่อย แม้จะเป็นอะไรที่พอตามทันเข้าใจได้ แต่ก็ยังคิดว่าหนังเลือกเล่นหลายอย่างสุดโต่งมากไปเหมือนกัน รวมถึงฉากจบที่เรียกว่าเป็นสูตรหนังซีรีส์ฝรั่งบังคับจบแบบตั้งใจหักมุมคนดู ในกรณีหนังเรื่องอื่นๆ มักจบแบบอยากให้ดูต่อ แต่กับเรื่องนี้รู้สึกว่าหนังตั้งใจหักเรื่องราวโดยการกระโดดข้ามการอธิบายเรื่องราวที่แท้จริงมากเกินไป แทบทำให้เรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมดไม่มีค่าเลยก็ว่าได้ครับ

 

 

ถามว่าควรดูไหม บอกยากเหมือนกัน แต่คิดว่าควรดูถึงจุดที่บอก ถ้ารู้สึกว่าเริ่มชอบ เริ่มเก็ทกับประเด็นเรื่องราวใหม่ๆ กับวิธีการเล่าเรื่องแปลกๆ ได้แล้วล่ะก็น่าจะชอบอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่ได้ถึงขนาดว่าห้ามพลาด แต่มันก็ประหลาดที่จะบอกว่าไม่รักตัวละครสุดเพี้ยนในเรื่องนี้เหมือนกันครับ ถือเป็นซีรีส์เน็ตฟลิกซ์สุดแนวที่มีเสน่ห์แบบแปลกๆ ควรจะต้องลองดูด้วยตัวเอง ตัดสินด้วยตัวเองครับ DAYBREAK – roblox

รีวิว  daybreak

 

 

สรุปโดยรวม

 

หนังแม้จะเริ่มต้นช่วงแรกด้วยพล็อตกับโลกเฉิ่มๆ แต่พอหลุด 3 ตอนแรกไปหนังกลายเป็นคนละม้วน ดูดีขึ้นมาทันตา พร้อมกับเรื่องราวมิตรภาพ ความรัก การเติบโตทางจิตใจแบบ Coming of Age ที่ทำออกมาได้ดีแบบไม่น่าเชื่อกับลุคพิลึกพิลั่นของหนังเรื่องนี้เหมือนกัน

 

แต่ว่าปัญหาของหนังคือการยัดเรื่องราวความคัลท์มาเยอะมาก จนทำให้อารมณ์หนังลากขึ้นๆ ลงๆ ป่วนไปหมด กลายเป็นจะอินหรือซึ้งก็ไม่สุดไป แถมบางช่วงปวดหัวกับเรื่องราวสุดคัลท์นี้ด้วยครับ Daybreak rotten tomatoes

 

 

 

จุดเด่น

 

ตัวละครทุกตัวมีโลกของตัวเองที่น่าติดตาม

นางเอกมีเสน่ห์ชวนให้ใครๆ ก็รักได้จริง (รวมถึงคนดู)

น้องแองเจลิก้าเด็กสาวสุดแสบ มีเสน่ห์ในแบบจิ๋วจี๊ดมากๆ

หนังมีส่วนของเรื่องราวมิตรภาพความรักวัยรุ่นครบเครื่อง และทำออกมาได้ดีซะด้วย

หนังมีเสน่ห์เฉพาะในแบบแปลกๆ ถ้าใครชอบก็คงชอบเลย

หนังมีพากษ์ไทย

 

 

จุดด้อย

 

ความคัลท์สุดโต่งแบบที่ไม่แคร์ใครเลย

มุกเสริมเรื่องราวเก่าคลาสิคเกินผู้ชมวัยรุ่นจะเก็ท! (แต่ไม่ต้องเก็ทก็ได้เหมือนกัน)

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *