รีวิว 20th Century Girl – ชีวิตมันสั้น อยากทำอะไรก็รีบทำ

รีวิว 20th Century Girl – ชีวิตมันสั้น อยากทำอะไรก็รีบทำ

หนังแนะนำ เกาหลีแนวดราม่าโรแมนติก สุดซาบซึ้งในหัวใจ เรื่อง 20th Century Girl (2022) เซนจูรี รักนี้ซาบซ่า กำกับโดย บังอูรี นักแสดงนำ คิมยูจอง (นาโบรา) ,บยอนอูซอก (พุงอุนโฮ) ,พัคจองอู (แบคฮยอนจิน) และ โรยุนซอ (คิมยอนดู) บอกเล่าเรื่องราวความรักของหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่เกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 20 (ปี 1999) ถึงศตวรรษที่ 21 หากเพื่อน ๆ ท่านใดสนใจหนังแนวรักโรแมนติกแบบนี้ สามารถไปติดตามรับชมหนังเรื่องอื่น ๆ ได้ที่นี่ ดูหนังออนไลน์

20th Century Girl เปิดม่านเล่าเรื่องผ่าน นาโบรา (รับบทโดย คิมยูจอง) เด็กสาววัยมัธยมที่ตกกระไดพลอยโจนสู่ภารกิจสื่อรักครั้งใหม่ เมื่อเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตอย่าง ยอนดู (รับบทโดย โนยุนซอ) กำลังจะบินลัดฟ้าไปผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจยังสหรัฐอเมริกา 20th century girl มีกี่ตอน

ทว่ายังไม่ทันจะไปเธอกลับพบชายหนุ่มคนหนึ่งนามว่า แพคฮยอนจิน (รับบทโดย พัคจองอู) ที่ทำให้ตกหลุมรักเข้าอย่างจัง เธอจึงฝากฝังให้นาโบราช่วยซอกแซกตามติดเพื่อเก็บข้อมูลของหนุ่มคนนี้ระหว่างที่เธอไม่อยู่ เมื่อมิตรภาพสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด นาโบราจึงเต็มใจช่วยเพื่อนคนนี้อย่างสุดกำลัง

20th century girl เรื่องย่อ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 1999 สาววัย 17 อย่าง โบรา ต้องเผชิญกับภารกิจที่สำคัญที่สุดในชีวิตวัยรุ่น นั่นก็คือการต้องยอมให้มิตรภาพสำคัญกว่าทุกสิ่ง ไม่เว้นแม้กระทั่งความรัก ยอนดู เพื่อนของเธอ กำลังจะเดินทางไปต่างประเทศเพื่อไปผ่าตัดหัวใจ และโบราต้องไปแอบส่องหนุ่มคนแรกที่ยอนดูแอบชอบเพื่อเอากลับมาเล่าให้เพื่อนฟัง

เพื่อที่จะเก็บข้อมูลทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เกี่ยวกับฮยอนจิน โบราพุ่งเป้าไปที่เพื่อนรักของเขา นั่นก็คือ อุนโฮ แต่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน และโบราก็ต้องประหลาดใจที่พบว่าหัวใจของเธอเองเต้นแรงกว่าที่คิด บัดนี้วิดีโอเทปที่กลับมาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงฤดูหนาวปี 2019 ก็ได้พาเอาหลากหลายความทรงจำจากศตวรรษที่ 20 กลับมาอีกครั้ง

เรียกได้ว่า โดยพล็อตและเนื้อหาของรักแรก vs เพื่อนรัก โดยลีลาการพลิกเรื่องหักมุม ลีลาการเล่าเรื่องจากความทรงจำ โดยท้องเรื่องย้อนยุคและโมเมนท์สำคัญของรอยต่อศตวรรษนั้น ไม่มีอะไรเป็นสิ่งแปลกใหม่เลย แต่แปลกดีที่ผู้เขียนก็ยังดูได้อย่างสนุกสนาน ชวนเอ็นดูความน่ารักที่มีพลังดึงดูดของ คิมยูจอง ในฐานะตัวชูโรงเด่น

ในขณะที่ บยอนอูซอก จะมาในโทนเรียบนิ่งแต่มีเสน่ห์เอาอยู่ เขาลงทุนลดน้ำหนักไป 3 กก. เพื่อการสวมชุดนักเรียนให้ดูบอบบางแบบเด็กหนุ่ม ส่วน พัคจองอู ก็ช่วยปล่อยมุกฮาแบบหน้าตาย และ โนยุนซอ คือแคสที่เข้ากับคาแรคเตอร์เป็นอย่างดีเลย

โบนัสนักแสดงรับเชิญ คนแรกก็คือ ฮันฮโยจู ที่มาสวมบทเป็น ‘โบรา’ ในยุคปัจจุบัน โดยส่วนตัวผู้เขียนชอบฮันฮโยจูมาก แต่ก็ยังติดใจความเข้ากันกับคิมยูจองอยู่บ้าง เหมือนยังไม่ลงล็อกนัก คู่นี้จริง ๆ แล้วก็เคยแสดงเป็นตัวละครเดียวกันมาแล้วคือ ‘ทงอี’ มุมน่าเอ็นดูของฮันฮโยจูคือท้องเรื่องที่เป็นเมืองชองจูนี้ก็คือบ้านเกิดจริง ๆ ของเธอด้วย

ส่วนนักแสดงรับเชิญคนอื่น ๆ เช่น กงมยอง, อีบอมซู, พัคแฮจุน, รยูซึงรยง ก็มาช่วยกันคนละเล็กละน้อย และอีกคนสำคัญคือ องซองอู ที่มาปิดท้าย เป็นตัวละครสำคัญในการไขปมปิดเกมเรื่องราว

เอาจริง ๆ แล้ว 20th Century Girl ก็เป็นหนังรอมคอมวัยรุ่นที่มาพร้อมกับแพ็คเกจสูตรสำเร็จแบบเดิม ๆ หนังแทบจะไม่มีอะไรแปลกใหม่ให้รู้สึกว้าวเท่าไหร่ ทั้งพล็อตและโครงเรื่องก็แทบจะไม่ต่างกับหนังแนว ๆ นี้ที่ออกฉายในช่วงยุคปี 2000s ที่มีหนังแนวนี้ดัง ๆ อยู่หลายเรื่อง ทุกอย่างค่อนข้างซ้ำและจำเจ ตื้นเขินและเดาอะไรได้แบบไม่ต้องซับซ้อนเลย

แต่สิ่งที่ทำให้ 20th Century Girl ยังเป็นหนังที่สนุกได้ ก็เพราะเสน่ห์ของหนังเกาหลีนั่นแหละ จังหวะของหนังยังค่อนข้างเวิร์กกับเนื้อในของหนังเป็นอย่างดี ถึงพล็อตจะเชย เนื้อหาจะซ้ำซาก แต่มันก็สามารถเป็นหนังที่ดูสนุกได้ด้วยตัวของมันเองอย่างน่าประทับใจ มีความโบ๊ะบ๊ะ ความดราม่า ที่เป็นสูตรสำเร็จแบบเฉพาะของหนังเกาหลีใส่เข้ามาตามธรรมเนียม

หลายคนคงจะเคยชมภาพยนตร์หรือซีรีส์ที่เล่าถึงรักแรกบ่อย ๆ ซึ่งทุกคนมักจะมีรักแรกเป็นของตัวเอง บางคนอาจจะสมหวังกับรักแรกแต่บางคนอาจจะไม่สมหวังและต้องจบด้วยความโศกเศร้าค่ะ ภาพยนตร์เรื่อง 20th Century Girl ได้เล่าเรื่องย้อนอดีตค่ะโดยจะเล่าเรื่องของนาโบราในวัยผู้ใหญ่ เธออยู่ในกรุงโซลทำอาชีพเป็นนักพากย์เสียง

ส่วนครอบครัวของเธอยังคงอยู่ที่ช็องจู ในวันนั้นหลังเลิกงานพ่อของเธอได้โทรมาบอกว่าเขาได้รับพัสดุที่ชื่อคนรับเป็นชื่อของเธอ ด้านในมีเทปซึ่งเป็นเทป VHS ของภาพยนตร์เรต 19+ ที่ใครบางคนยืมมาจากร้านเช่าวิดีโอของพ่อเธอไปในปี 1999 และไม่เคยกลับมาอีกเลย พร้อมทั้งมีบัตรเชิญไปชมนิทรรศการศิลปะ

นาโบราจดจำผู้ชายคนนั้นได้เป็นอย่างดีเพราะคนที่ยืมไปคือชายหนุ่มที่เป็นรักแรกของเธอ “พุงอุนโฮ” หลังจากนั้นทางเรื่องก็ได้พาเราเริ่มต้นการเดินทางสู่ความทรงจำของนาโบราเพื่อบอกเล่าว่าเธอกับพุงอุนโฮได้เจอกันได้อย่างไรนั่นเองค่ะ

ตั้งแต่เปิดเรื่องมาครั้งแรกหลายคนอาจจะรู้ทันทีว่าความรักต้องไม่สมหวังแน่นอน ใช่ค่ะมันเป็นแบบนั้นแต่พุงอุนโฮยังคงเป็นความทรงจำของเธอเสมอ หลังจากที่แยกกันไปในปี 1999 พุงฮุนโฮก็สัญญากับเธอว่าเขาจะกลับมาจากนิวซีแลนด์และมาพบกับเธอในต้นศตวรรษที่ 21 แต่เวลาผ่านไปเนิ่นนานเขาก็ยังไม่กลับมา ถึงแม้ว่าพุงอุนโฮจะไม่บอกไม่กล่าวว่าเขาหายไปไหนเป็นเวลาหลายปีแต่เขาก็ยังคงเป็นรักแรกของนาโบราเสมอ

20th Century Girl เสมือนพาเราขึ้นรถไฟเหาะเฉกเช่นฉากหนึ่งที่ปรากฏในเรื่อง โหมโรงด้วยความสดใสของวัยเยาว์ หลอกล่อให้เราลุ่มหลงไปกับรสชาติความรักสมัยมัธยมสุดซี๊ดซ๊าด ได้อมยิ้มไปกับเหตุการณ์ที่พุงอุนโฮแอบปิ๊งนาโบราตั้งแต่แรกเห็น บรรยากาศประเภทเฉียดกันไปเฉี่ยวกันมาแต่ไม่มีใครกล้าเผยความรู้สึก

ยิ่งทำให้จั๊กจี้หัวใจเมื่อเราเพลิดเพลินจนปล่อยความรู้สึกให้สบายจนเกินไป หนังจึงเริ่มไล่บีบคอคนดูให้น้ำตาไหลด้วยการใส่เหตุการณ์เข้าใจผิด รอยร้าวของมิตรภาพ รักระยะไกล ไปจนถึงสุดปลายทางที่จบลงด้วยความอ้างว้างมากเหลือเกิน

เข้าใจว่า 20 เซนจูรี่ รักนี้ซาบซ่า อาจต้องการนำเสนอตำราที่ว่า รักแรกอาจไม่สมหวังเสมอไป ทว่าท้ายที่สุดแล้วดูเหมือนจะเป็นการจงใจหักดิบแบบเข้ารกเข้าพงไม่รู้ทิศรู้ทาง แต่หากบอกว่าเลือกตอนจบแบบนั้นเพื่อจะได้เป็นที่พูดถึงก็ถือว่าหนังทำสำเร็จ นอกจากนี้หลายฉากหลายตอนยังมีจุดสังเกตเกี่ยวกับไดนามิกการเล่าเรื่องที่ตื้นเขิน

และพอจะคาดเดาได้ โดยเฉพาะใครที่เคยดูซีรีส์ Twenty Five-Twenty One (2022) มาก่อน คงแอบรู้สึกว่าบางอย่างมันแทบจะเป็นการผลิตซ้ำโดยสมบูรณ์ แม้จะทำการบ้านและเก็บรายละเอียดมาแน่นขนาดไหน หากแต่ความจำเจก็เป็นจุดสังเกตสำคัญที่ทำให้หนังขาดความว้าวไปอย่างน่าเสียดาย

ยังมีอีกสิ่งที่ค่อนข้างรู้สึกขัดใจนิดหน่อย กับเทคนิคการย้อนภาพและแต่งแสงของหนังเรื่องนี้ ที่ค่อนข้างแต่งแสงได้จัดและจ้าไม่ค่อยธรรมชาติไปสักหน่อย โดยเฉพาะฉากกลางแจ้งต่าง ๆ ที่ย้อมภาพและแต่งแสงออกมาที่เกินจริง แสงจ้าแทบจะไม่เห็นเครื่องหน้าของนักแสดงกันเลยทีเดียว แต่ก็ยังดีที่เป็นเพียงแค่ช่วงแรก ๆ ของหนังเท่านั้น เพราะผ่านไปก็มีการปรับโทนแสงและภาพให้เข้าที่เข้าทางมากขึ้น

ภาพรวมของ 20th Century Girl จึงเป็นหนังรักย้อนวัยที่ถ่ายทอดกลิ่นอายยุค 90 ออกมาได้เป็นอย่างดี ชี้ชวนให้เราหวนคิดถึงความหอมหวานในช่วงวัยเด็กผ่านเรื่องราวความรัก ความฝัน มิตรภาพ และการจากลา เล่าเรื่องออกมาได้สนุก ละมุนละไม และคงไว้ซึ่งความเพลิดเพลินได้ตั้งแต่ต้นจนจบ

แม้จะต้องแลกมาด้วยความซ้ำซากจำเจตามแพ็กเกจสำเร็จรูปของหนังแนวนี้ รวมทั้งข้อจำกัดด้านเวลาที่อาจทำให้บางประเด็นไม่ได้รับการขยี้จนกระทบไปถึงแก่นใจของคนดู ทว่าความละเมียดของโปรดักชันและเสน่ห์ของนักแสดงก็ช่วยอุ้มชูให้มองข้ามข้อบกพร่องบางอย่างไปได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจมากนัก ถือเป็นสองชั่วโมงที่คุ้มค่า หวังว่าหลายคนที่ได้ดูจะอิ่มเอมไปกับความรักอันบริสุทธิ์ของหนุ่มสาวในเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย

ประเภท: โรแมนติก / ตลก
ผู้กำกับ: บังอูริ
นำแสดงโดย: คิมยูจอง, บยอนอูซอก, พัคจองอู, โรยุนซอ
ความยาว: 119 นาที
กำหนดฉายในไทย: 21 ตุลาคม 2022

ติดตามหนังรักโรแมนติกได้ที่นี่ รีวิวหนัง Through My Window: Across the Sea