รีวิว สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์

รีวิว สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์

รีวิว สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์

 

 

 

 

 

นักสัตว์วิเศษวิทยาหนุ่มติ๋ม ‘นิวต์ สคามันเดอร์’ หนังฝรั่ง netflix รัก     และสัตว์มหัศจรรย์สารพันในกระเป๋าวิเศษกลับมาแล้วครับ กับ ‘Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore’ หรือ ‘สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์’ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ Prequel ที่ ‘เจ.เค.โรว์ลิง’ (J.K.Rowling)       ดูหนังออนไลน์    ขยายจักรวาลของโลกเวทมนตร์ต่อมาจากเรื่องราวของ ‘แฮร์รี พอตเตอร์’ (Harry Potter)     ดูหนังฟรี หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า ‘วิซาร์ดดิง’ เวิลด์ (Wizarding World) นั่นเอง หนังแนะนำ

 

รีวิว สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์ เรื่องย่อ

รีวิว สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์ เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ (Gellert Grindelwald) ได้หมายจะทำสงครามกับโลกของผู้ไร้เวทมนต์เขาจึงต้องขึ้นเป็นผู้นำของชุมชนผู้วิเศษเพื่อที่จะกวาดล้างผู้ไร้เวทมนต์ให้สิ้นซาก แต่ทว่า อัลบัส ดัมเบิลดอร์ (Albus Dumbledore) ไม่เห็นด้วยกับวิธีการนี้เขาจึงทำการขอความช่วยเหลือจาก นิวท์สคามันเดอร์ (Newt Scamander) และเหล่าพ่อมดแม่มดเพื่อหยุดแผนการของ เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ (Gellert Grindelwald) ให้ได้ แต่เขาจะทำได้อย่างไรเพราะในเมื่อสัญญาเลือดยังคงไม่ถูกทำลาย ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่สามารถทำร้ายอีกฝ่ายได้หนังแนะนำ

 

 

รีวิว สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์

เนื้อเรื่อง

เล่าเรื่องเข้มข้นตั้งแต่เริ่มเรื่องเป็นการเล่าสลับในหลาย ๆ สถานที่ของแต่ละตัวละคร เนื้อเรื่องเมื่อเทียบกับภาคก่อนถือว่าดีกว่าที่จะไม่หลุดประเด็นหลักไปไกล ใน 30 นาทีแรกของหนังเป็นการปูเนื้อหาก่อนจะเข้าประเด็นใหญ่ ในช่วงต้นของหนังนี้อาจจะมีความรู้สึกอืดอาดบ้างแต่เป็นความอืดที่ยังยอมรับได้ดูไม่เหนื่อยเพราะตัวเนื้อเรื่องยังคงดำเนินต่อไปข้างหน้าด้วย ซึ่งทำให้ดีกว่าภาคก่อนที่อืดอาด ดูไปครึ่งเรื่องแต่คนดูกลับแทบไม่ได้อะไรเลย ในการแก้ปมจากภาคก่อนเราจะได้คำตอบจากภาคนี้แทบทั้งหมดถึงแม้บางอย่างที่เฉลยแล้วดูไม่ค่อยจะมีเหตุผลจนทำให้เรารู้สึกว่าคล้อยตาม บางอย่างที่เฉลยก็เฉลยแบบดื้อ ๆ จากการเล่าของตัวละครอย่างหน้าตาเฉย แต่เอาเป็นว่าหลังจากดูจบปมหลาย ๆ เรื่องเคลียร์หมด แต่ก็จะมีปมใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อจะนำไปเล่าต่อในภาคถัดไป

ในเรื่องของความสัมพันธ์ตัวละครระหว่างดัมเบิลดอร์และเกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์หลายคนคงทราบแล้วว่า ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์เป็น LGBTQ+ ทำให้คงจะถูกใจใครหลายคนที่กำลังจิ้นกับความรักของคู่นี้ แต่ในภาคนี้เราจะได้ทราบว่าจริง ๆ แล้วความรักของเขาทั้งคู่เป็นในรูปแบบไหน จะเป็นอย่างที่ใครหลายคนวาดฝันไว้หรือเปล่า? ในส่วนบทหนังมีความรู้สึกว่าเกลี่ยบทได้ยังไม่ดีเท่าไหร่ ในส่วนของตัวละครเอกทั้งหลายไม่ค่อยมีปัญหา แต่ในส่วนของฝั่งกรินเดลวัลด์ ไม่มีใครที่โดนเด่นหรือทำให้เรารู้สึกว่าต้องกลัวพ่อมดแม่มดร้ายกลุ่มนี้เลย เหมือนกับมีไว้ฉากให้โดนคาถาปลิวออกนอกจอเล่น ๆ เท่านั้น 555 ถ้าจะให้พูดตรง ๆ เลยบทยังไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่วางพล็อตมาดีชอบการเล่าเรื่อง มีการใส่มุขตลก ทำให้ลดโทนหนังที่ดูซีเรียสจากฉากก่อนหน้าได้เป็นอย่างดี

 

 

รีวิว สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์

ตัวละคร

ตั้งแต่เปิดตัว อัลบัส ดัมเบิลดอร์ (Albus Dumbledore) วัยกลางคนในภาคที่แล้วถือได้ว่า เดวิด จู๊ดลอว์ (David Jude Law) เหมาะสมกับบทบาทที่ได้รับแสดงมาก ส่วนตัวแล้วชอบการแสดงของจู๊ดลอว์จากภาคที่แล้วเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทุกครั้งที่เขาออกฉากผมจะรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย ไว้ใจได้ ซึ่งความรู้สึกนี้เกิดขึ้นกับดัมเบิลดอร์ในภาคของแฮรี่มาแล้ว ในด้านตัวละครที่มีบทมากขึ้นในภาคนี้คือ เจคอบโควัลสกี้ (Jacob Kowalski) ถึงแม้จะเรียกเสียงหัวเราะได้ไม่มากเท่าภาคก่อนแต่การที่มีเขาเข้ามาทำให้เติมเต็มส่วนที่ขาดไปได้เพราะเจคอบเป็นเหมือนตัวแทนคนดูที่ไร้ซึ่งเวทมนต์แต่ต้องมาอยู่ท่ามกลางสังคมของพ่อมดแม่มดเพราะถ้าในหนังเรื่องนี้มีเพียงแค่พ่อมดแม่มดผู้วิเศษ หนังคงจะดูจืดลงไปเยอะ ในส่วนของตัวละครเอกอย่าง นิวท์สคามันเดอร์ (Newt Scamander) ยังคงมาตรฐานเดิมไว้ได้ เป็นการแสดงที่คนดูทั่วไปอย่างเราเข้าถึงง่ายไม่มีอะไรซับซ้อน เป็นตัวละครที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมหรือคิดวางแผนอะไรเยอะแยะ ในส่วนของตัวละครอื่น ๆ ยังไม่ทำให้ผมรู้สึกเข้าถึงได้เช่นตัวร้าย ร้ายไม่สุด ร้ายไม่เต็มที่จนทำให้เราไม่ได้รู้สึกว่าต้องกลัวพวกคนกลุ่มนี้

 

ภาพและการตัดต่อ
สีภาพโทรหนังใช้แบบเดียวกันกับหนังชุดแฮรี่ทำให้เรารู้สึกคุ้นเคยหายคิดถึง มีฉากที่เป็นฉากแฟนเซอร์วิสเยอะมาก สำหรับใครกำลังคิดถึงบรรยากาศเก่า ๆ ภาพจำสมัยเด็ก ต้องตื่นเต้นและอดอมยิ้มไม่ได้กับสิ่งที่ทีมงานใส่เข้ามาให้ในตัวหนัง ถ้าใครเป็นแฟนตัวยงคงอาจจะจุกจนร้องไห้ด้วยความคิดถึงกันบาง การตัดต่อไม่มีฉากส่ายกล้องจนเวียนหัว ถึงแม้ว่าจะเล่ากันคนละสถานที่แต่ขอบอกว่าไม่งง เด็กโตก็ดูเข้าใจได้

เสียงประกอบ
สำหรับหนังเรื่องนี้เพียงแค่บรรเลง 3-4 ตัวโน้ตดนตรีเท่านั้น ก็ทำให้เราอดนึกถึงแฮรี่ไม่ได้จริงๆ เพราะเพลงที่ใช้มาประกอบฉากจะเป็นบทเพลงเดียวกันกับหนังชุดแฮรี่ พอตเตอร์ ตอนที่ผมได้ยินในโรงหนังความรู้สึกตื้นตัน ความรู้สึกคิดถึง เข้ามาในหัวทันทีจนอยากจะกลับไปดูแฮรี่ซ้ำอีกสักรอบ ในส่วนของเสียงเอฟเฟคต่าง ๆ ทำได้ไม่มีที่ติ เสียงรายเวทมนต์ที่เคยทำดียังไงก็ยังคงมาตรฐานขอหนังชุดนี้ได้

 

ตัวละครที่ชอบ
ส่วนตัวแล้วชอบ อัลบัส ดัมเบิลดอร์ (Albus Dumbledore) เป็นตัวละครที่ซับซ้อนเป็นจอมวางแผน น่านับถือ และบางทีก็มีแอบไม่เข้าใจวิธีการของเขาบาง เราจะได้เห็นดัมเบิลดอร์ออกมาบู๊ แต่ด้วยสไตล์ของเขาเป็นคนที่ใช้สมองและเข้าใจในพลังเวทมนต์ของตนเองทำให้ฉากบู๊ที่มีดัมเบิลดอร์อยู่จะดูจริงจัง หนักแน่นจนเรารู้สึกได้

 

 

รีวิว สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์

รีวิว สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์ ความรู้สึกหลังดู

รีวิว สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์ ในแง่ของการดำเนินเรื่อง เอาจริง ๆ ผู้เขียนมองว่าในภาคนี้ บทค่อนข้างกลมกล่อมและดูง่ายกว่าภาคที่แล้วพอสมควรนะครับ เรียกได้ว่าค่อนข้างประนีประนอม ปรับสมดุล และปรับกราฟเรื่องราวให้เข้าที่มากกว่าสองภาคแรกอย่างชัดเจน ตัวหนังยังคงใส่ Easter Egg จากจักรวาลแฮร์รี พอตเตอร์ มาให้เหล่าพอตเตอร์เฮด (Potterhead) ได้กรี๊ดกันแบบจุก ๆ

 

 

แต่ตัวบทเองก็เริ่มจะปรับแต่งเรื่องราวให้ครบรส และน่าจะทำให้มักเกิลที่ไม่ได้อิน ก็น่าจะดูได้แบบสนุกครบรส ทั้งแอ็กชันที่มีประปราย พล็อตหนังเกมการเมืองที่แทรกเข้ามาได้แปลกใหม่ดีสำหรับโลกเวทมนตร์ สัตว์วิเศษที่แม้ในภาคนี้จะมีไม่เยอะ แต่เหล่าน้อน ๆ ที่มาใหม่ก็ล้วนแต่น่ารักกันทั้งนั้น โดยเฉพาะน้อนกิเลน สัตว์วิเศษชั้นสูงที่มีสัมผัสลึกถึงจิดใจคนได้ และน้อนปูแมงมุมที่เรียกเสียงฮาได้ดีมาก ส่วนน้อน ๆ แก๊งเดิมก็ยังคงสร้างสีสันให้กับตัวหนังได้อย่างน่ารักน่าชัง

 

 

รวมทั้งการเพิ่มบทบาทให้มักเกิลอย่างเจคอบได้ออกโรงมากขึ้น (เหมือนที่ได้เห็นในตัวอย่าง) การเล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างดัมเบิลดอร์และกรินเดลวัลด์ ที่ตัวหนังค่อย ๆ เล่าถึงความผูกพันลึกซึ้งอะไรบางอย่างระหว่างกันและกัน รวมถึงอุดมการณ์ที่ขัดแย้งกันจนนำไปสู่สงคราม รวมทั้งการใส่มุกฮาที่ทำงานได้ดีกว่าภาคที่แล้วอย่างน่ามหัศจรรย์ ก็น่าจะเป็นนิมิตหมายอันดีที่ตัวหนังสามารถถ่วงน้ำหนักระหว่างความสนุกน่าติดตาม และความจงรักภักดีอย่างเหนียวแน่นต่อแฟรนไชส์แฮร์รี พอตเตอร์สำหรับเหล่าแฟน ๆ ได้ถือว่าค่อนข้างสมดุลและออกมากลมกล่อมกว่าสองภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด  ความลับของ ดั ม เบิ ลด อ ร์ ภาค 1

 

แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ตัวหนังเองก็ยังคงมีปัญหาที่ยังแก้ไม่หายจากสองภาคแรกครับ นั่นก็คือเรื่องราวที่มีเส้นเรื่องยุ่บยั่บเต็มไปหมด ซึ่งน่าจะมาจากการที่ตัวหนังมีตัวละครค่อนข้างเยอะ และแอบเดาว่า เจ.เค.โรว์ลิงเองก็ยังติดวิธีการเขียนแบบนิยาย ที่ต้องเน้นรายละเอียดและมีหลายซับพล็อต (หลายเส้นเรื่อง) ลงมาในบทภาพยนตร์ ที่จำเป็นต้องออกแบบเส้นเรื่องให้เคลียร์และคลีนกว่านิยายหรือวรรณกรรมเยาวชนที่จะเล่าด้วยกระบวนท่าแบบไหนก็ได้ เพราะคนอ่านนึกตามเอาเองได้อยู่แล้ว

 

 

รวมทั้งการพยายามกั๊กรายละเอียดบางอย่าง และบางตัวละครเอาไว้ไปเล่าในภาคต่อไปด้วย คือก็เข้าใจได้นะครับว่าตัวหนังทั้งหมดมันมี 5 ภาค ก็เลยต้องลดบทบาทบางตัวละครที่ไม่จำเป็นลงบ้าง แต่ก็แอบรู้สึกเหมือนกันว่า เอาตัวละครที่หายไป มาแทนที่ตัวละครบางตัวที่ดูไม่ค่อยจะมีบทบาทสำคัญไปซะเลยก็ไม่น่าจะเสียหายมั้ง ยังดีที่ได้ สตีฟ โคลฟส์ มือเขียนบทที่คุ้นชินกับจักรวาลแฮร์รี พอตเตอร์มาช่วยกันตบให้เข้าที่เข้าทางได้พอสมควร  ความลับของดัมเบิลดอร์ pantip

 

 

รวมทั้งการที่ตัวละครบางตัวก็แอบมีทางเลือกและจุดเปลี่ยนที่ยังไม่ค่อยเมกเซนส์สักเท่าไหร่ อยู่ดี ๆ ก็เปลี่ยนอุดมการณ์กันแบบดื้อ ๆ ซะอย่างนั้นแหละ ตรรกะของเหตุการณ์ในบางฉากที่ชวนให้แอบงงว่ามาเชื่อมโยงกันได้ยังไง หรือทำไปเพื่ออะไรกันแน่ และยิ่งพอตัวหนังเองค่อนข้างเดินเรื่องช้ามาก ๆ ในระดับที่ถือว่าเนือยตลอดทั้งเรื่อง ก็ยิ่งทำให้ตัวหนังค่อนข้างเยิ่นเย้อหนักเข้าไปอีก แต่ไอ้ฉากที่ดันอยากให้ยาว ๆ หรือเน้น ๆ อย่างเช่นแอ็กชันต่อสู้ด้วยเวทมนตร์ กลับสั้นและรวบรัดเกินเหตุเสียอย่างนั้นแหละ

 

 

ในส่วนของนักแสดง จริง ๆ โดยรวมก็ถือว่าไม่ผิดหวังนะครับ แม้ว่าเรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์วิเศษจะยังคงโดนเส้นเรื่องของสงครามและความลับของดัมเบิลดอร์กลบอยู่พอสมควร แต่ตัวของ ‘เอดดี เรดเมน’ (Eddie Redmayne) ผู้รับบท ‘นิวต์ สคามันเดอร์’ ก็มีโอกาสได้โชว์การแสดงมากขึ้นจากภาคที่แล้วอยู่เหมือนกัน แม้ว่าเส้นเรื่องและบทบาทของนิวต์จะนั้นแทบจะกลายเป็นบทสมทบไปแล้ว ส่วน ‘จูด ลอว์’ (Jude Law) ก็ยังรับบท ‘อัลบัส ดัมเบิลดอร์’ ได้เฺฉียบคมและทรงพลังน่าประทับใจเช่นเคย  กำเนิด ดั ม เบิ ลด อ ร์

 

 

และนักแสดงที่หลายคนคาดหวังอย่าง ‘แมดส์ มิกเคลเซน’ (Mads Mikkelsen) เองก็เรียกได้ว่า เอาอยู่กับบท ‘เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์’ ได้มีเสน่ห์และน่าเกรงขามและเฉพาะตัวมาก ๆ ครับ ผู้เขียนเองก็ยากที่จะฟันธงว่าคนไหนแสดงดีกว่า เพราะต่างคนต่างก็มีสไตล์ที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่อย่างน้อย ๆ พี่แมดส์เองก็ถือว่าเอาอยู่ และน่าจะพอทดแทนกรินเดลวัลด์ฉบับป๋าเดปป์ได้แบบไม่น่าจะติดอะไรแล้วล่ะครับ

 

สรุปโดยรวม

 

‘Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์’ ถือว่าเป็นการถ่วงสมดุลการเดินเรื่อง ทั้ง Easter egg ในจักรวาลที่ขยายใหญ่โตกว่าเดิม แต่ก็ชวนให้หวนนึกถึงบรรยากาศแบบแฮร์รี พอตเตอร์ ทีมนักแสดงที่มีเสน่ห์ ซึจีตระการตาและงานละเอียดกว่าภาคที่แล้ว และความบันเทิงที่ให้มาแบบค่อนข้างครบ ทั้งซึ้ง ฮา โรแมนติก แอ็กชันหนักหน่วง การผจญภัยที่ตื่นเต้น และสัตว์วิเศษที่ยังคงน่ารักน่าชังแบบชนิดที่เรียกว่าจบในตัว น่าจะทำให้พอตเตอร์เฮดและมักเกิลชื่นชอบและดูเพลิน ๆ ได้ไม่ยากความลับของ ดั ม เบิ ลด อ ร์ ภาค 3

 

แต่ด้วยตัวหนังเองที่ยังคงมีปัญหาเรื้อรังจากภาคก่อน ๆ ทั้งเส้นเรื่องที่ยุ่งเหยิง การเล่าแบบขาด ๆ เกิน ๆ จุดที่ควรเล่าก็ไม่ลงลึก ตรรกะของตัวละครและเหตุการณ์ที่ชวนงง รวมทั้งการเดินเรื่องที่ช้าจนเนือยนี่เอง ก็ทำให้หนังเรื่องนี้ยังถือว่าเกือบจะเอาอยู่ล่ะครับ เพียงแต่ว่ามันก็อาจจะยังหาตรงกลางได้ไม่เจอ คนที่ชอบก็ชอบแหละ ส่วนคนที่เกลียดก็เกลียดไปเลย (ไม่เกี่ยวกับว่าเป็นพอตเตอร์เฮตหรือมักเกิลด้วยนะ) ต้องรอดูว่าทีมเขียนบทจะร่ายคาถาโบกนิดสะบัดหน่อยให้หนังอีก 2 ภาคที่เหลือ ออกมาดูดีกว่า 3 ภาคแรกได้ไหม หรือไม่ ก็อาจกลายเป็นหนังยืดๆ งง ๆ 5 ภาคทีได้แต่เกือบจะเอาอยู่ แต่หาตรงกลางระหว่างกระเป๋าสัตว์วิเศษของนิวต์ สคามันเดอร์ไม่เจอสักที

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *