รีวิว รักยุ่งของสาวโย่ง (Tall Girl) 2

รีวิว รักยุ่งของสาวโย่ง (Tall Girl) 2

 

Tall Girl 2 รักยุ่งของสาวโย่ง มาในแนวของสาวโย่ง ที่ถือว่ามีความตลก น่าสนใจมาก ในเวลาฉายอยู่ที่ 1 ชั่วโมง 37 นาทีเลยทีเดียว ในเรตติ้งที่มากถึง 79 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ฉายมาให้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 โดยมีผู้กำกับที่มากความสามารถคือ เอมิลี่ ทิง ที่สร้างรายได้มหาศาลมาก มีการสร้างปมต่างๆที่มีความแปลกใหม่มาก ที่ไม่เหมือนกับภาคแรก แต่ยังคงความสนุกเอาไว้อยู่ ที่ถือว่าต้องไม่พลาด รับชมไม่น่าเบื่อ ฉายมาให้ติดตามกันแล้วทางเน็ตฟลิกซ์ เน้นความเด่นจากนางเอก ที่มีรูปร่างสูงเด่นในภาคแรก แต่มาในภาคนี้กลับว่าเธอเองกลายเป็นไอดอลไปแล้ว

 

 

Tall Girl 2 รักยุ่งของสาวโย่ง 2 ภาคต่อของหนังวัยรุ่น Netflix ที่เน้นขายตัวนางเอกสาวโย่งสูงปรี๊ดหน้าตาน่ารักเป็นหลัก มาในภาคนี้ไม่มีปมเรื่องสูงแล้วแต่กลับเป็นเรื่องความเด่นจากการถูกยกให้เป็นไอดอลประจำโรงเรียนไปแทน

 

เรื่องราวสานต่อจากงานคืนสู่เหย้า หลังจากที่ “โจดี้ (Ava Michelle)” ได้มีการกล่าวสุนทรพจน์ที่เป็นการพูดเรื่องเกี่ยวกับความสูงและแรงบันดาลใจของเธอ ทำให้เพื่อน ๆ หลายคนถึงกับทัชใจและชื่นชอบสิ่งที่เธอได้กล่าวออกมา และหลังจากนั้นสิ่งนี้เองทำให้ โจดี้ไม่ได้เป็น “สาวโย่ง” ตัวสูงคนธรรมดาอีกต่อไป แต่เธอได้กลายเป็นสาวสุดฮอตป๊อปที่ใครก็ต่างรู้จักเธอและมีความมั่นใจแบบเต็มร้อย แถมเธอยังมีแฟนหนุ่มอย่าง “ดังเคิลแมน (Marco Schittone)” อยู่เคียงข้างเธออีกด้วย

 

 ดูหนัง

และเธอก็ได้ก้าวไปอีกสเต็ปนั้นคือเธอได้ทำตามความฝันของตัวเองนั้นคือ การเป็นนักแสดงในละครเพลงของโรงเรียน ซึ่งเธอก็สามารถคว้าบทบาทของนางเอกมาได้ แต่แล้วหนทางนี้ไม่ได้ราบเรียบแบบที่เธอคิดเพราะว่าเธอมีเสียงในหัวที่เกิดจากความกดดัน  อีกทั้งเห็นจะทวีหนักอยู่เรื่อย ๆ รวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับดังเคิลแมนกลับแย่ลงเรื่อย ๆ และเธอก็มีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับพระเอกในละครเพลงที่เธอแสดงอีกด้วย เรียกว่าใน Season นี้โจดี้ของเราเจอบททดสอบที่หนักหน่วงจริง ๆ ค่ะ

 

 

รีวิว รักยุ่งของสาวโย่ง (Tall Girl) 2 เรื่องย่อ

หลังกล่าวสุนทรพจน์สุดบันดาลใจในงานเต้นรำคืนสู่เหย้า โจดี้ (เอวา มิเชลล์) ก็ไม่ได้เป็นแค่ “สาวโย่ง” อีกต่อไป เธอกลายเป็นคนดัง มีความมั่นใจ และมีแฟน แถมยังเพิ่งคว้าบทนำในละครเพลงของโรงเรียนในปีนี้ด้วย แต่เมื่อแรงกดดันจากความดังของเธอทวีความรุนแรงขึ้น เช่นเดียวกับความไม่มั่นคงในใจที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ครั้งใหม่ก่อตัวและความสัมพันธ์ที่มีอยู่เดิมเจอบททดสอบ โลกที่เธอสร้างขึ้นเริ่มพังทลาย โจดี้รู้แล้วว่าการยืนอยู่ที่สูงเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น

 

 

หนังวัยรุ่นไฮสคูลที่มีจุดขายหลักๆ อยู่ที่ตัวนางเอกสูงโย่ง ซึ่งนักแสดงที่รับบทนี้ Ava Michelle ก็กลายเป็นมีชื่อเสียงจากบทนี้ไปด้วย เนื้อเรื่องภาคแรกก็เบาๆ จบลงไปแบบง่ายๆ ไม่มีอะไรน่าจดจำนักนอกจากตัวนางเอก แต่ที่ได้ทำภาคต่อเพราะยอดผู้รับชมสูงมากพอสมควรในกลุ่มหนังวัยรุ่นที่เน็ตฟลิกซ์ทำออกมาเรื่อยๆ ซึ่งมาภาคนี้ตัวเนื้อหาก็ยังเบาหวิวอยู่เช่นเดิม อาจจะเพราะคนเขียนบทเดิมด้วย แต่คราวนี้เปลี่ยนผู้กำกับใหม่เป็นผู้หญิงชาวเอเชีย Emily Ting ซึ่งสารภาพก่อนเลยว่าผู้เขียนไม่ชอบภาคแรกเอามากๆ เพราะถ้าเทียบในกลุ่มหนังวัยรุ่นด้วยกันหลายเรื่องยังมีเนื้อหาอะไรที่ค่อนข้างจับต้องไ้ดมากกว่า แต่ในภาคแรกนี่นอกจากเรื่องนางเอกโดนบูลลี่เรื่องความสูงแล้วก็ไม่มีอะไรเลย เนื้อหาค่อนข้างเป็นเส้นตรงแน่วไปจบที่งานเต้นรำตามสูตร สุดท้ายเพื่อนๆ ก็หันมารักเธอเลิกบูลลี่กันง่ายๆ จนเหมือนใส่ปมปัญหาบูลลี่มาแบบโลกสวย

 

 

เรียกว่าหนังเรื่องรักยุ่งของสาวโย่ง (Tall Girl) 2 เป็นหนังแนวรักวัยรุ่นไฮสคูลฟิลกู้ดที่มีการนำเรื่องของ ‘ความสูง’ เข้ามาเล่น โดยย้อนกลับไปในตอนแรกของเรื่องราว ซึ่งโจดี้ เธอเป็นสาวไฮสคูลธรรมดาที่มีความโดดเด่นในเรื่องของความสูง และก็ได้ถูกบูลลี่เพื่อน ๆ ล้ออยู่เป็นประจำเพียงเพราะว่าเธอสูงมากเกินไป แต่แล้วก็ถูกเพื่อน ๆ ยอมรับเพียงเพราะว่าเธอได้กล่าวสุนทรพจน์ที่ทำให้เพื่อน ๆ ทัชใจและได้รับการยอมรับเป็นไอดอลฮอตสตาร์ขึ้นมาทันที โดยหากเพื่อน ๆ ได้รับชมตอนแรกไปแล้วก็จะรู้เลยว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังเรียบง่าย ไม่หวือหวา เน้นความสนุกดูเพลิน แถมพล็อตก็ค่อนข้างที่จะเดาได้แบบไม่ยากว่าตอน Ending ของเรื่องจะเป็นอย่างไร เป็นหนังไฮสคูลที่ต้องบอกเลยว่า ‘สูตรสำเร็จ’ สุด ๆ

รีวิวหนัง   

มาในภาค 2 เรื่องราวเปลี่ยนปมใหม่เป็นนางเอกกลายเป็นไอดอลป๊อบสตาร์ของโรงเรียนไปแทน แล้วก็เกิดความไม่มั่นใจว่าตัวเองคู่ควรกับอะไรหลายๆ อย่างที่คนฝากความหวังไว้ให้เธอ โดยเธอเกิดเสียงในหัวพยายามด้อยค่าตัวเองอยู่บ่อยๆ ซึ่งเรื่องก็ทำออกมาแบบชิลๆ แบบเดิมว่าสุดท้ายนางเอกก็ผ่านมันไปได้ง่ายๆ โดยมีพี่สาวแสนดีคอยช่วยแนะนำตามแบบภาคแรก

 

แล้วก็เหมือนตามสูตรหนังแนวนี้ที่ภาคแรกพระเอกนางเอกมารักกันตอนจบ พอมาภาคสองก็เริ่มคบหากัน สุดท้ายก็ทะเลาะกันตามสูตรเป๊ะๆ มีชายหนุ่มรูปหล่อคนใหม่แทรกมา นางเอกเผลอใจแต่ก็ยังไม่ลืมรักแรก หนังเหมือนไม่พยายามคิดอะไรให้แตกต่างออกไปเลย แม้แต่การคืนดีกันก็ง่ายๆ จนไม่มีอะไรให้น่าจดจำ ทั้งๆ ที่ตัวละครหนุ่มคนใหม่ทำออกมาดีมาก แต่เรื่องก็นำเขามาใช้แค่ประเดี๋ยวประด๋าวแล้วก็ทิ้งไปง่ายๆ ไม่ได้มีอุปสรรคในความรักอะไรในเรื่องนี้เลย

 

แต่สิ่งที่ภาคนี้อาจจะดูดีหน่อยคือการให้ตัวละครรองได้มีบทบาทในการแก้ไขปรับปรุงตัวเอง อย่าง สติก หนุ่มหล่อนักเรียนแลกเปลี่ยนในภาคแรกที่เป็นปมปัญหากับนางเอก มาภาคนี้เขาก็พยายามทำดีแก้ตัวสิ่งที่พลาดไปอย่างหนัก แล้วก็มาพบรักใหม่กับเพื่อนของนางเอก หรือกลุ่มตัวร้ายนางอิจฉาภาคก่อนก็เริ่มปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น ไม่ใช่แค่สักจะร้ายแบบเดิม แต่ตัวละครพวกนี้อยู่ๆ ก็พัฒนาปรับเปลี่ยนตัวเองไวแบบง่ายเกินไปหน่อย ซึ่งสุดท้ายกลายเป็นหนังวัยรุ่นเรื่องนี้มีแต่คนดีโลกสวยกันไปหมด

 เว็บหนัง 

ตัวนางเอก Ava เองมาภาคนี้สวยขึ้นมากแบบชัดเจน เรียกว่าทั้งความสวยกับความสูงของเธอคือตัวแบกเรื่องนี้ล้วนๆ ซึ่งผู้ชมที่ชอบนางตั้งแต่ภาคก่อนก็ดูภาคนี้แล้วหัวใจแช่มชื่นสดใสขึ้นแน่ๆ แม้แต่ผู้เขียนที่ไม่ชอบภาคก่อนเอามากๆ ก็ยังรู้สึกว่าดูเพลินๆ ได้เพราะเสน่ห์ในตัวนางเอกล้วนๆ

 

 

และมาในรักยุ่งของสาวโย่ง (Tall Girl) 2 ก็มีการปรับเปลี่ยนให้ปัญหาของเธอไม่ได้อยู่ที่ความสูงแล้ว แต่จะเป็นปัญหาเรื่องของความมั่นใจ กดดัน Low Self-Esteem ขึ้นมา ซึ่งโจดี้คิดว่าตัวเองไม่คู่ควรกับอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรับบทบาทนางเอกของละครเพลงโรงเรียน หรือแม้กระทั้งเรื่องความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่ม ซึ่งสิ่งนี้เองออกมาจากความคิดลบ ๆ ในหัวที่ออกมาผ่าน ‘เสียง’ และแน่นอนว่าเรื่องราวก็ออกมาในอีหรอบเดิมเลยคือจะมีพี่สาวและครอบครัวที่แสนดีคอยมาแนะนำและซัพพอร์ตจิตใจ เรียกว่าเป็นตามแบบฉบับของภาคแรกเป้ะ

 

 

แต่ในรักยุ่งของสาวโย่ง (Tall Girl) 2 ก็มีจุดเด่นหลากหลายจุดที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นรักลับ ๆ ของโจดี้ เรื่องของสติกหนุ่มหล่อฝรั่งเศสซึ่งเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนและพี่สาวของสติก เพื่อนรักของโจดี้อย่างฟรีด้า เข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น ซึ่งถึงแม้ว่าเป็นจุดเด่นแต่ตัวหนังก็ไม่ได้เจาะลึกและโฟกัสลงไปมากเท่าไหร่ ซึ่งหากมองจริง ๆ แล้วถ้าหนังนำจุดเด่นเหล่านี้ไปเล่นคงน่าสนใจเลยทีเดียวรักยุ่งของสาวโย่ง (Tall Girl) 2 ก็ได้นางเอกสาวสวยหน้าคมอย่าง “Ava Michelle (@ava.michelle)” มารับบทบาทของ ‘โจดี้’ ซึ่งเรียกว่าหลังจากภาคที่ 1 ฉายออกไปก็ทำเอาชื่อของเธอเป็นที่รู้จักในเวลาไม่นานเลยละค่ะ โดยต้องบอกเลยว่าในตอนที่ 2 นั้นสาวเอวานั้นสวยและมีออร่าโดดเด่นขึ้นมากเป็นสาวสวยหน้าคมที่ละสายตาไปไม่ได้จริง ๆ ยิ่งตอนที่เธอยิ้มหรือหัวเราะยิ่งเป็นอะไรที่ชวนมองแบบสุด! เรียกว่าเป็นบทบาทที่มีเสน่ห์เหมาะสมแถมสาวเอวายังแสดงออกมาได้ดีมากอีกด้วย

 

tall girl ตัวละคร

 

นางเอกสาว เอวา มิเชลล์ รับบทเป็นสาวโย่งอย่าง โจดี้ ในเรื่องนี้ถือว่า เป็นบทที่สาวเอวา ได้เปิดตัวเพื่อ ให้คนทั้งโลกได้รู้จักเธอ ด้วยรูปร่างหน้าตา และความสามารถ ในการแสดงนำ ทำให้เธอได้ เป็นที่รู้จักกันอย่างมาก และที่ขาดไม่ได้เลยนั้นก็คือ Tall Girl พระเอก ของหนังเรื่องนี้ ผู้รับบทแสดงนั้นก็คือ กริฟฟิน กลัค

 

โดยในเรื่องชื่อ ดั๊ง นักเรียนชายที่แอบ รักนักเรียนสาว ตัวสูงอย่างลับ ๆ มาอย่างยาวนาน และตัวละครที่สาว ๆ ถึงกับต้องกรี๊ดนั้นก็คือ สติก นักเรียนแลกเปลี่ยน ที่มีดีกรีความหล่อระดับสิบ โดยนักแสดงหนุ่ม ที่รับบทนั้นก็คือ ลูค ไอส์เนอร์ หนุ่มหล่อหน้าตาดี ผมยาวคนนี้นั้นเอง ที่เป็นตัวเอกอีกตัว ดูเหมือนจะเด่น เกินหน้าพระเอกเอามาก ๆ

เว็บดูหนัง  

 

 

 

สรุป

 

เนื้อเรื่องปมต่างๆ ก็ยังเบาหวิวแบบไม่มีอะไรแปลกใหม่เหมือนภาคแรก แต่ได้จุดขายที่ตัวนางเอกสวยขึ้นมากเป็นหลัก ซึ่งใครที่ชอบนางเอกก็ดูต่อได้ หรือไม่ดูเลยก็ได้เพราะเนื้อเรื่องไม่มีอะไรน่าสนใจเลยจริงๆ

 

จริง ๆ แล้วค่อนข้างคาดหวัง กับหนังเรื่องนี้ ว่าสามารถทำ ออกมาได้สุดกว่านี้อีก แต่ด้วยอาจจะ เป็นเพราะผู้เขียนบทคนเดิม เลยทำให้หนัง ดูออกมาแนวเดิม ๆ ไม่ค่อยมีอะไร ที่ดูแปลกใหม่ หรือถ้าจะพูดง่าย ๆ ก็คือหนังเดาทางง่ายมาก ๆ ว่าจะเป็นยังไงต่อไป ในส่วนของเรื่อง ตัวละครก็เป็นการ ชี้เป้าไปที่นางเอกเหมือนเดิม

 

 

ดำเนินเรื่องไป แบบเรื่อย ๆ ชิว ๆ ไม่มีฉากที่ แปลกใจอะไรมาก ส่วนพระเอกก็ดูดร็อป ๆ ไปเหมือนว่านักเรียน แลกเปลี่ยนของเรา จะดูเป็นที่น่าสนใจมากกว่า ปมปัญหาก็ได้ ถูกคลายอย่างง่ายดาย โดยมีพี่สาวแสนสวยค่อยแนะนำ แต่ก็ยังมีในเรื่องของ แง่คิดที่สะท้อน ให้เห็นว่าในชีวิตของเรา